หมอเตือนชายอยากมีลูก เลี่ยงอาบน้ำอุ่น-สวมยีนต์รัดแน่น- ขี่มอเตอร์ไซค์นาน ก่อนมีเซ็กซ์อาจมีผลคุณภาพอสุจิ

“สาธิต” เปิดตัวโฆษกฯ ใหม่ ดูแลงานกรมอนามัย จับคลินิกเถื่อน หมอเถื่อนฯลฯ พร้อมให้ข้อมูลเนื่องในวันวาเลนไทน์ “รักเป็น ปลอดภัย สุขกาย สบายใจ” มีมูลกเมื่อพร้อม ลั่นมีลูกเมื่อพร้อม ให้ปรึกษาการมีบุตร ด้าน “หมอโอฬาริก” โฆษกรมช.สธ. ชี้ผลวิจัยเผยอาบน้ำอุ่นก่อนมีเซ็กซ์ เสี่ยงคุณภาพอสุจิ ทำโอกาสมีลูกลด รวมถึงใส่กางเกงยีนต์รัดแน่น ปั่นจักรยาน ขี่มอเตอร์ไซค์นานๆ อาจมีผลเช่นกัน ส่วนระยะเวลาไม่ชัดเจน

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่กระทรวงสาธารณสุข นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากโฆษกประจำตัวของตนได้ลาออกไป เนื่องจากติดภารกิจ ล่าสุดได้แต่งตั้ง นพ.โอฬาริก มุสิกวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน สูตินรีเวช (เวชศาสตร์การเจริญพันธุ์) โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี เป็นโฆษกประจำตัวรัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. คนใหม่    ทั้งนี้ โฆษกฯ คนใหม่จะทำหน้าที่สื่อสารส่วนงานที่ตนดูแลตามที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ สธ. ได้มอบหมาย เมื่อรัฐบาลหมดวาระในเดือนมีนาคม ตนต้องลงพื้นที่หาเสียง แต่อำนาจรัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. ยังอยู่ 100% จนกว่าจะมีรัฐมนตรีว่าการ สธ.และ คณะชุดใหม่

นายสาธิต กล่าวว่า โดยเนื้องานแต่ละกรมที่รับผิดชอบ ก็จะสื่อสารผ่านโฆษกส่วนตัว เช่น กรมอนามัย โครงการก้าวท้าใจ ซีซั่น 5 กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) จับคลินิกและหมอเถื่อน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จัดทำเรื่องฟาสแท็ก (Fast Track) กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ที่ต้องดูการอนุญาตจำหน่ายช่อดอกกัญชา เป็นต้น จึงจำเป็นต้องมีคนมาพูด สื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชน

รัฐมนตรีช่วยว่าการสธ. กล่าวอีกว่า   ในวันวาเลนไทน์ กรมอนามัยมีการดำเนินการเรื่องรักเป็น ปลอดภัย สุขกาย สบายใจ มีคำแนะนำ 2 กลุ่มเกี่ยวกับเรื่องอนามัยเจริญพันธุ์ ส่งเสริมการมีบุตร ได้แก่  1.การวางแผนครอบครัว กลุ่มที่ต้องการมีบุตร ในวันวาเลนไทน์ถือโอกาสชวนกันไปคลินิกในการตรวจสุขภาพ ความพร้อมของคู่รัก ปรึกษาเรื่องการมีบุตร  และมีข้อแนะนำพิเศษสำหรับกลุ่มคนที่ต้องการมีลูก  ก่อนมีเซ็กซ์ห้ามอาบน้ำอุ่นนานเกินไป  และ2.การวางแผนครอบครัว กลุ่มที่ยังไม่ต้องการมีบุตร  ควรใส่ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์และไม่ให้เกิดโรค 

ด้านนพ.โอฬาริก มุสิกวงศ์  โฆษกประจำตัวรัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. กล่าวว่า  ในเรื่องของการมีบุตรยากนั้น มีงานวิจัยระบุว่าไม่ควรอาบน้ำอุ่นนานเกินไป ก่อนมีเซ็กส์ในผู้ที่ต้องการมีบุตรนั้น ซึ่งมีงานวิจัยออกมาหลายปีและล่าสุดปี 2565 เป็นการรวบรวมข้อมูลจากงานวิจัยหลายชิ้น โดยระบุว่า อุณหภูมินั้นมีผลต่อคุณภาพอสุจิ ทำให้คุณภาพลดลงทั้งปริมาณและคุณภาพการแล่นเร็ว  นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาพบว่า ผู้ที่ใส่กางเกงยีนส์รัดแน่น ขับขี่มอเตอร์ไซค์นาน หรือนักกีฬาปั่นจักรยาน ก็อาจมีผลต่อการรัด และอุณหภูมิให้สูงขึ้นได้  

“อุณหภูมิน้ำหรือแช่ระยะเวลานานเท่าไหร่ ยังไม่มีตัวเลขชัดๆ แต่ไม่ควรนานเกินไป ส่วนผู้หญิงนั้น อุณหภูมิไม่ได้มีผลต่อคุณภาพไข่เพราะอยู่ในร่างกายที่มีอุณหภูมิเหมาะสมอยู่แล้ว แต่อวัยวะเพศชายที่ผลิตอสุจิอยู่นอกร่างกาย ที่จะต้องมีอุณหภูมิต่ำกว่าร่างกาย  1-2 องศาเซลเซียส”นพ.โอฬาริกกล่าว 

นพ.โอฬาริก กล่าวอีกว่า สำหรับผู้มีบุตรยากแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่

1.อายุต่ำกว่า 35 ปี หากไม่มีการคุมกำเนิดมาแล้ว 1 ปี และมีเซ็กส์สม่ำเสมอ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ แล้วยังไม่ตั้งครรภ์ ให้รีบมาปรึกษาแพทย์

2.อายุ 35-40 ปี  ไม่มีการคุมกำเนิดนาน 6 เดือน และมีเซ็กส์สม่ำเสมอ ให่รีบมาพบแพทย์

3.อายุเกิน 40 ปี ถือว่าอยู่ในภาวะมีบุตรยาก ให้รีบพบแพทย์

4.มีประวัติมีโรคเกี่ยวกับรังไข่ เช่น  ช็อกโกแลตซีสต์ หรือได้ยาบางอย่างที่อาจจะส่งผลต่อคุณภาพไข่ เป็นต้น 

นพ.โอฬาริก กล่าวด้วยว่า  ข้อมูลประเทศไทย พบว่า มารดาที่คลอดเสียชีวิต 50  % ไม่ใช่เกิดจากโรคทางสูติกรรม แต่เกิดจากโรคประจำตัวที่มีอยู่ เช่น เบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ  จึงได้มีการหารือร่วมกลุ่มราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯ ราชวิทยาลัยเวชศาสตร์ครอบครัวฯ และราชวิทยาจิตแพทย์ฯ ในการวางแผนคุมกำเนิดหรือวางแผนตั้งครรภ์ในคนมีโรคประจำตัวที่ยังไม่เหมาะสมกับการตั้งครรภ์ เมื่อมาตรวจกับแพทย์เจ้าของไข้ ก็ให้มีการปรึกษาเรื่องวางแผนครอบครัวด้วย ในกรณีที่อยากมีบุตร ต้องรักษาร่างกายให้แข็งแรง คุมอาการให้ได้ ลดยาที่รับประทานประจำก่อนการตั้งครรภ์ แต่หากไม่ต้องการมีบุตร ก็ให้วางแผนเรื่องการคุมกำเนิดทั้งชั่วคราวและถาวร รวมถึง คนที่เป็นโรคอ้วนต้องมีการวางแผนก่อนการตั้งครรภ์ด้วย ซึ่งประเทศไทยมีคนน้ำหนักเกิน 60 % ในจำนวนนี้เป็นโรคอ้วน 37 % 

ข่าวเกี่ยวข้อง :  “สาธิต” ชงบอร์ดอนามัยเจริญพันธุ์ ทำข้อเสนอส่งเสริมการมีลูกถึง "พรรคการเมือง" หวังขับเคลื่อนต่อในรัฐบาลใหม่