อยากลดน้ำหนัก ผอมไว ดื่มน้ำกระชาย น้ำผึ้ง มะนาว ช่วยได้จริงหรือ วิธีลดความอ้วนอย่างปลอดภัย ต้องทำอย่างไร

จากกรณีการส่งต่อสรรพคุณของการดื่มน้ำกระชาย น้ำผึ้ง มะนาว ว่าสามารถช่วยลดน้ำหนักได้นั้น ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ การดื่มน้ำกระชาย น้ำผึ้ง มะนาว ไม่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ เนื่องจากกระชายไม่มีสรรพคุณที่เกี่ยวข้องกับการลดน้ำหนัก และน้ำผึ้งมีน้ำตาลในปริมาณมาก หากจะรับประทานน้ำผึ้งเพื่อหวังผลลดน้ำหนักนั้นจึงไม่ควรทำ สำหรับสรรพคุณของกระชายมีน้ำมันหอมระเหยและสารฟลาโวนอยด์เป็นส่วนประกอบ ทำให้กระชายมีสรรพคุณทางยาบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้จุกเสียดได้ ส่วนน้ำผึ้ง ประกอบไปด้วยน้ำตาลฟรุกโตส และน้ำตาลกลูโคส ส่วนที่เหลือจะเป็นน้ำ วิตามิน แร่ธาตุ เอนไซม์และกรดอีกเล็กน้อย โดยน้ำผึ้ง 100 กรัม ให้พลังงานถึง 303 กิโลแคลอรี หากจะรับประทานน้ำผึ้งเพื่อหวังผลลดน้ำหนักนั้นจึงไม่ควรทำ เพราะในน้ำผึ้งมีน้ำตาลในปริมาณมาก จากองค์ประกอบหลักของน้ำผึ้ง คือ น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย เพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้น้ำตาลในกระแสเลือดสูง ที่สำคัญผู้ป่วยโรคเบาหวานควรบริโภคอย่างระมัดระวัง

หากต้องการลดน้ำหนักให้ได้ผล กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะนำว่า การเลือกรับประทานอาหารคลีนก็เป็นทางเลือกหนึ่ง เพราะส่วนใหญ่แล้วลดการปรุงแต่ง ไม่ผ่านกระบวนการหมักดองหรือปรุงรสมากจนเกินไป มาจากธรรมชาติ เน้นวัตถุดิบสดใหม่ ประกอบอาหารให้สุกอย่างพอดี สำหรับการเลือกกินคลีนอย่างเหมาะสม ควรจัดอาหารให้มีความสมดุล แบ่งอาหารออกเป็นมื้อย่อย ๆ เพื่อกระตุ้นการเผาผลาญ กินอาหารเช้าทุกวัน หลังจากตื่นนอน 1 ชั่วโมง ส่วนอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ควรเลือกแบบไม่ติดมัน เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ ไข่ หรือพืชตระกูลถั่ว คาร์โบไฮเดรตต้องเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน อย่างข้าวกล้อง ธัญพืชไม่ขัดสี ขนมปังโฮลวีท ไขมันให้เลือกอาหารที่มีไขมันดี  ถั่ว อะโวคาโด น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันสุขภาพชนิดอื่น บริโภคผักสด ผลไม้ เพราะมีกากใยสูง อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ หลีกเลี่ยงอาหาร แปรรูป ไม่ควรกินน้ำตาลมากเกินไป เลี่ยงขนมปังขาว เส้นพาสต้า งดเครื่องดื่มที่มีรสหวานอย่างน้ำอัดลม ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งนี้ การรับประทานอาหารในแต่ละมื้อสามารถใช้แบบจำลองอาหารหรือที่รู้จักกันคือ สูตร 2:1:1 โดยแบ่งจานอาหารออกเป็น 4 ส่วนเท่า ๆ กัน สองส่วนแรกเป็นผักสด หรือผักสุกมากกว่า 2 ชนิดขึ้นไป อีกส่วนหนึ่งเป็นข้าว แป้ง ควรเลือกชนิดไม่ขัดสี ส่วนสุดท้ายเป็นประเภทโปรตีน เน้นปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน

การดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอในแต่ละวันก็สำคัญเช่นกัน ควรดื่มน้ำเปล่าสะอาดอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตรต่อวัน  โดยดื่มทีละน้อย ไม่ดื่มเร็วหรือมากเกินไป การดื่มน้ำมากขึ้น ยังช่วยในเรื่องการลดน้ำหนัก ทำให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรีมากขึ้น เนื่องจากน้ำทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดลง ร่างกายจึงต้องเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดสมดุลความร้อน ส่งผลให้อาหารและพลังงานถูกเผาผลาญตามไปด้วย และยังช่วยลดปริมาณไขมันส่วนเกินด้วย หากดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร ยังช่วยลดความอยากอาหารได้ ทำให้แคลอรีที่ได้รับจากอาหารลดลง ทั้งนี้ แนะนำให้ดื่มน้ำตามช่วงเวลา ดื่มน้ำ 1 แก้ว หลังตื่นนอน ในเวลา 06.00 – 07.00 น. ช่วยลดความข้นหนืดของเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี กระตุ้นการขับถ่าย ดื่มน้ำ 1 แก้ว ช่วงเช้า ในเวลา 08.00 – 09.00 น. ก่อนมื้อเช้า 15 – 20 นาที เพราะถ้ากินอาหารตามทันที น้ำที่ไปเจือจางน้ำย่อย ส่งผลให้การย่อยอาหารไม่ดี หลังอาหารให้จิบน้ำเพียงครึ่งแก้วพอ ดื่มน้ำ 2 – 3 แก้ว ในช่วงเวลาระหว่างวัน เวลา 09.00 – 13.00 น. ให้ดื่มน้ำระหว่างวันไปเรื่อย ๆ เพื่อลดการสูญเสียน้ำ ดื่มน้ำ 2 แก้ว ช่วงบ่ายและเย็น เวลา 13.00 – 17.00 น. พยายามดื่มน้ำเปล่าในปริมาณ 2 – 3 แก้ว จะช่วยแก้กระหาย และทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้น ดื่มน้ำ 2 – 3 แก้ว ช่วงเย็นและก่อนนอน เวลา 18.00 – 22.00 น. การดื่มน้ำช่วงเย็น ให้ดื่มก่อนและหลังกินมื้อเย็น และแบ่งบางส่วนไปดื่มช่วงก่อนนอน เพื่อช่วยชะล้างสิ่งตกค้างในลำไส้ 

หลักการลดน้ำหนักที่ดี ควรลดไขมันที่เป็นส่วนเกินในร่างกาย ไม่ใช่ลดกล้ามเนื้อ จึงไม่ควรอดอาหาร ต้องกินอาหารให้ครบทุกมื้อ แต่ควบคุมปริมาณให้เหมาะสม ปรุงอาหารด้วยวิธี นึ่ง ยำ อบ ต้ม ตุ๋น ย่าง หากต้องการปรุงอาหารที่ใช้น้ำมัน ควรใช้น้ำมันพืช และคุมปริมาณน้ำมันไม่ให้เกิน 2 ช้อนชาต่อมื้อ ลดอาหารหวาน มัน เค็ม และกินอาหารครบหมู่ หลากหลายชนิด เพื่อให้ได้รับสารอาหารครบถ้วนเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย และออกกำลังกายเป็นประจำสัปดาห์ละ 3 – 5 วัน วันละอย่างน้อย 30 นาที เพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและอัตราการเผาผลาญพลังงาน รวมทั้งการเพิ่มกิจกรรมทางกาย เคลื่อนไหวออกแรงในการทำกิจวัตรประจำวัน จะช่วยในการลดไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ในร่างกาย ทำให้น้ำหนักลดลงได้ 

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org