ผลการทดสอบ วัคซีนเอดส์ เฟสสุดท้ายของบริษัทผลิตวัคซีนในเครือ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ล้มเหลว ล้มกระดานวัคซีนแห่งความหวัง ต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่ในการหาวัคซีนทดลองตัวใหม่

 

บริษัทเจนสัน ฟาร์มาซูติคอล (Janssen Pharmaceutical Company) ประกาศยุติการทดลองวัคซีนป้องกันโรคเอดส์ในเฟส 3 หลังจากผลการทดลองชี้ชัดแล้วว่าวัคซีนไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการป้องกันการติดเชื้อ HIV/AIDS ได้ ซึ่งวัคซีนชนิดดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นวัคซีนเอดส์ตัวเดียวในขณะนี้ที่มีความคืบหน้ามากที่สุดในการทดลองในคน แต่อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์ยังมีความเชื่อมั่นว่ายังมีความเป็นไปได้ในการผลิตวัคซีนตัวใหม่ชนิดอื่นๆ

การทดลองวัคซีนดังกล่าวภายใต้ชื่อว่า โมไซโก ได้เริ่มดำเนินการทดลองในเฟส 3 ตั้งแต่ปี 2019 กับกลุ่มอาสาสมัคร 3,900 คน ที่เป็นทั้งเพศชาย และกลุ่มแปลงเพศใน 50 พื้นที่ จาก 9 ประเทศในกลุ่มอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และยุโรป ได้แก่ อาร์เจนตินา บราซิล อิตาลี แมกซิโก เปรู โปแลนด์ เปอโตริโก สเปน และสหรัฐอเมริกา ซึ่งก่อนหน้านี้มีวัคซีนตัวทดลองจำนวนมากที่ไม่ประสบผลสำเร็จระหว่างการทดสอบในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ซึ่งวัคซีนของโครงการโมไซโก ถือได้ว่าเป็นความหวังของวัคซีนป้องกันโรคเอดส์ได้ในช่วงสามถึงห้าปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามนักวิจัยยังคงมีความหวังว่า ยังคงมีตัวเลือกจากวัคซีนตัวอื่นๆที่ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นทดลองที่อาจจะสามารถป้องกันการติดเชื้อในอนาคตได้

ดร. เอนโทนี เอส ฟูซิ ผู้อำนวยการของสถาบันโรคติดเชื้อแห่งชาติ กล่าวว่า ข่าวดังกล่าวเป็นข่าวที่น่าผิดหวัง แต่ไม่ได้แปลว่าจะเป็นการสิ้นสุดของความพยายามในการพัฒนาวัคซีน เพราะยังมีแผนยุทธศาสตร์อื่นๆร่วมด้วย โดยเขาหมายถึงโครงการศึกษาวิจัยที่มีชื่อว่า PrEPVacc ในแอฟริกาตะวันออกและแอฟริกาใต้ โดยมีการทดลองการใช้วัคซีนทดสอบพร้อมกับยาป้องกันการติดเชื้อ โดยนักวิจัยกำลังพัฒนาแอนติบอดี้ที่มีประสิทธิภาพ ที่สามารถลดการแพร่เชื้อของตัวไวรัส โดยวัคซีนตัวใหม่นี้จะใช้เทคโนโลยีการผลิตวัคซีนแบบใหม่ รวมถึงเทคโนโลยี mRNA ด้วยในการป้องกันการติดเชื้อไวรัส HIV อย่างไรก็ตามการประกาศยุติการทดลองของวัคซีนของบริษัทเจนสัน ฟาร์มาซูติคอล ถือเป็นความท้าทายในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคเอดส์ เนื่องจากนับตั้งแต่มีการค้นพบโรคนี้ขึ้นมาครั้งแรกของโรคเมื่อ 40 ปีที่ผ่านมา มีการประมาณการว่าจำนวนผู้ติดเชื้อต่อปีทั่วโลกสูงกว่า 1.5 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 650,000 ราย ปัจจุบันคาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกอยู่ที่ 40 ล้านคน และ 10 ล้านคนไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้

สำหรับประเทศที่ร่ำรวยแล้ว โรคเอดส์อาจไม่ใช่โรคที่ก่อให้เกิดปัญหาด้านสาธารณสุข เพราะสามารถเข้าถึงยาที่มีประสิทธิภาพสูงในการระงับเชื้อ นอกจากนี้ยังมีทางเลือกอีกหลากหลายรูปแบบในการรักษา เช่น ยากิน หรือยาฉีดทุกๆ 2 เดือนซึ่งกำลังจะได้รับการอนุมัติให้ใช้ได้ในสหรัฐอเมริกา หรือยาฉีดที่ใช้ในทุกๆ 6 เดือน ก็อยู่ในกระบวนการขั้นสุดท้ายของการทดลอง เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม การรักษาดังกล่าวเป็นการรักษาต่อเนื่องตลอดชีวิต และคนบางกลุ่มไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้ ดังนั้นวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคดังกล่าว

บริษัทเจนสัน ฟาร์มาซูติคอล ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า บริษัท ซึ่งอยู่ภายใต้บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้ประกาศผลการประเมินวัคซีนทดลองในระยะที่ 3 จากการพิจารณาของคณะกรรมการอิสระทางด้านติดตามข้อมูลและความปลอดภัย โดยสรุปว่าวัคซีนทดลองดังกล่าวไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการป้องกันการติดเชื้อ HIV ได้ เมื่อเปรียบเทียบกับยาหลอกที่ให้กับกลุ่มอาสาสมัครได้ และยังไม่มีการลงรายละเอียดในด้านความปลอดภัยจากตัวยาวัคซีนทดลองดังกล่าว จากผลข้อสรุปจากคณะกรรมการชุดดังกล่าว ทางบริษัทขอยุติการทดลองวัคซีนเอดส์ในมนุษย์ระยะที่ 3

“เรารู้สึกเสียใจกับผลสรุปดังกล่าว แต่เรายังคงเป็นอันหนึ่งเดียวกันกับชุมชนเปราะบางจากผลกระทบของการติดเชื้อ HIV ถึงแม้ว่าจะมีความก้าวหน้าที่สำคัญในการป้องกันโรคหลังจากมีการระบาดทั่วโลก แต่ในปี 2021 มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกถึง 1.5 ล้านคน ซึ่งตอกย้ำว่าเราต้องแก้ไขปัญหาด้านสาธารณสุขของโลก เรายังคงมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆในการรักษาโรคเอดส์ โมไซโกยังคงทำงานในเชิงลึกเพื่อการพัฒนาวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ และทางบริษัทขอขอบคุณผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนในการศึกษาพัฒนาวิจัยในวัคซีนทดลองดังกล่าว ” นายเพนนี ฮีดตัน หัวหน้าด้านการพัฒนาวัคซีน ของบริษัทเจนสัน ฟาร์มาซูติคอลกล่าว

ข้อสรุปจากคณะกรรมการอิสระทางด้านติดตามข้อมูลและความปลอดภัย พบว่าสอดคล้องกับผลสรุปการทดลองวัคซีนในระยะที่ 2 ที่ประกาศเมื่อเดือนสิงหาคม 2021 ที่พบว่าวัคซีนทดลองไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อในกลุ่มสตรีวัยรุ่นในแถบซาฮารานตอนใต้ ของทวีปแอฟริกา แต่วัคซีนดังกล่าวยังคงมีความปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีการวิจัยค้นพบว่า วัคซีนทดลอง HIV สามารถสร้างภูมิต้านทานที่สามารถลดการแพร่กระจายเชื้อไวรัสได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นการค้นพบครั้งแรกว่าวัคซีนชนิดดังกล่าวสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ต้องการได้ โดยงานวิจัยดังกล่าวได้ตีพิมพ์ในวารสาร Science ที่ทำการทดลองในอาสาสมัครที่มีสุขภาพดี 48 คน ซึ่งได้รับวัคซีนทดลอง 2 โดส และวัคซีนหลอก 2 เช่นเดียวกัน โดย 35 ใน 36 คนที่ได้รับวัคซีนทดลอง พบการเพิ่มขึ้นที่เป็นรูปธรรมของเซลล์ภูมิคุ้มกันที่จะเกิดขึ้นเป็นชุดแรก ก่อนที่จะขยายมาเป็นระบบภูมิคุ้มกันที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่า การค้นพบดังกล่าวเป็นการพิสูจน์ข้อสมมติฐาน ว่าการทำงานของวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการติดเชื้อ จะมีลักษณะการทำงานดังกล่าว

 

Source: The Only HIV Vaccine in Advanced Trials Has Failed. What Now?, New York Times

              www.jnj.com

              https://www.usnews.com/news/health-news/articles/2022-12-02/scientists-may-be-closer-to-effective-hiv-vaccine

Photo: Getty