แพทยสภาชี้ กรณี “หมอสมิทธิ์” ยื่นคำร้องศาลปกครอง ขอเพิกถอนกัญชาไม่เกี่ยวกับกรรมการ  ด้านเจ้าตัวโพสต์ทำในนามส่วนตัว  ขณะที่ “อนุทิน”  ตอบกลับประกาศกระทรวงฯ ถือเป็นกฎหมายระหว่างยังไม่มี พรบ.กัญชากัญชง  ย้ำ! ประกาศสธ.ค่อนข้างครอบคลุม หากยังเล่นเกมการเมืองร่างกฎหมายกัญชามาก อาจต้องออกประกาศฯ ควบคุมช่อดอกเพิ่มเติม  ลดความกังวลของประชาชน ส่วนข้อกล่าวหาหมอทั้งกระทรวงอยู่ข้างการเมืองนั้น ขอย้ำไม่เคยแทรกแซง เคารพหลักวิชาการ

จากกรณีที่ นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย และกรรมการแพทยสภา เตรียมยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง เพื่อพิจารณา “เพิกถอน” ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษ หรือประกาศปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 11 พ.ย.2565 ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังแพทยสภา ถึงกรณีดังกล่าว โดยได้คำตอบจากกรรมการแพทยสภาหลายท่านให้ข้อมูลว่า กรณี นพ.สมิทธิ์ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตน ไม่ใช่ในนามแพทยสภา เนื่องจากกรรมการแพทยสภาส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นด้วยกับวิธีการนำตำแหน่งกรรมการแพทยสภามาแสดงออกเรื่องดังกล่าว เพียงแต่ที่มีข่าวออกมาว่า ใช้ตำแหน่งกรรมการแพทยสภาด้วยนั้น อาจเพราะเป็นที่สนใจหรือไม่ และอยู่ในช่วงระหว่างการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งก็เป็นได้

ทั้งนี้ นพ.สมิทธิ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า เป็นหนึ่งในกรรมการแพทยสภา และเป็นนายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย แต่ฟ้องในฐานะตัวเอง ไม่เกี่ยวกับมติของคณะกรรมการแพทยสภาหรือสมาคมแต่อย่างใด

** วันเดียวกัน   นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าว ว่า  เรื่องนี้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย เราทำอะไรไม่ได้ก็ต้องรอกระบวนการยุติธรรม ส่วนที่ นพ.สมิทธิ์ ระบุว่าเพราะไม่มีการคุ้มครองผู้บริโภคโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนนั้น ก็เป็นเพียงความเห็นของเขา แต่ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)  มีความมั่นใจว่าตามประกาศกระทรวงฯ ที่ออกมานั้นมีผลตามกฎหมาย ลดความเป็นกังวลของสังคม ป้องกันการเข้าถึงของเด็ก เยาวชน ใครทำนอกเหนือจากนี้ถือเป็นความตั้งใจทำผิด เจ้าหน้าที่ต้องไปดำเนินคดี

ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ผ่านมามีภาพเด็ก เยาวชนใช้กัญชา แต่ไม่เคยปรากฎว่ามีการลงโทษเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง ทำให้ถูกมองว่ามีการเพิกเฉย ละเลย และทำให้กัญชาเสรีเกินไป นายอนุทิน กล่าวว่า ยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุขไม่เพิกเฉยแน่นอน ประกาศ สธ.ก็คือส่วนหนึ่งของกฎหมาย อยู่ภายใต้พ.ร.บ.การสาธาณรสุข เพราฉะนั้น ใครก็ตามที่ฝ่าฝืนหรือกระทำเกินจากบทบัญญัติ เท่ากับจงใจทำผิดกฎหมาย ต้องดำเนินการเอาผิด ผู้มีหน้าที่ในการเอาผิด คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ใครพบเห็นถ้าจะเอาเรื่องก็ต้องแจ้งให้ดำเนินการเอาผิด    

เมื่อถามย้ำถึงจุดยืนว่าจะมีการดำเนินการอะไรระหว่างที่รอร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ....ออกมาบังคับใช้ นายอนุทิน กล่าวว่า  ที่ผ่านมา 5 เดือนแล้วก็ยังไม่มีอะไรที่ควบคุมไม่ได้ ไม่มีเหตุอะไรนอกจากคนสร้างให้เป็นสถานการณ์ขึ้นมา ปกติทั่วไปไม่ได้รับรายงานความเสียหายเกิดขึ้น คนส่วนใหญ่เชื่ออยู่แล้วว่านโยบายกัญชงกัญชา เน้นเรื่องการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ เรื่องการแพทย์ ก็เป็นยารักษาโรค หลายสูตรมีการบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติแล้ว เรื่องสุขภาพมีผลิตภัณฑ์สุขภาพขึ้นมามากมาย และผ่านการรับรอง อย. ส่วนเรื่องเศรษฐกิจเมื่อเป็นผลิตภัณฑ์วางขายทั่วไปเชิงพาณิชย์ต้องมาขอ อย. ส่วนที่เป็นภูมิปัญญาต้องใช้ช่อดอกก็ต้องขออนุญาต ใบไม่ต้อง ก็สามารถขายทำได้ เราต้องยึดอยู่บนหลักการศึกษาวิจัย 

เมื่อถามถึงความคืบหน้า ร่าง พ.ร.บ. กัญชาฯ นายอนุทิน กล่าวว่า อยู่ที่สภา ไม่ใช่เรื่องของ สธ.แล้ว ตราบใดไม่มีพ.ร.บ.ออกมา ก็ต้องใช้ประกาศ สธ. ทั้งนี้ในร่างฯ ไม่มีอะไรแตกต่างจากประกาศสธ.มาก แต่พ.ร.บ.เป็นกฎหมายเฉพาะที่จะเอามาใช้ควบคุม อย่างไรก็ตาม ประกาศสธ.ค่อนข้างครอบคลุมพอสมควร หากปฏิบัติตาม ประกาศกระทรวงก็ดีอยู่แล้ว ดูแล้วถ้า ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ มีการเล่นเกมการเมืองเยอะอาจจะมีการออกประกาศ สธ. ควบคุมช่อดอกกัญชาออกมาเพิ่มเติม เพื่อลดความกังวลของประชาชน 

“ ไม่ว่าจะเป็นกฎกระทรวง หรือ พ.ร.บ. กฎหมาย ทุกคนมีหน้าที่ปฏิบัติตาม ไม่ใช่ว่าต้องเป็นพ.ร.บ.ถึงจะผิด เป็นประกาศสธ.ไม่ผิด นี่เป็นเรื่องที่ฝ่ายค้าน ผู้เห็นต่าง พยายามเอามาทำให้ประชาชนไขว้เขว  แต่สธ.เป็นผู้ออกประกาศและควบคุมการใช้สิ่งเหล่านี้ ดังนั้น สธ.ก็ทำตามหน้าที่ตามประกาศของกระทรวง   วันนี้ประเทศเดินหน้า มีนักลงทุนเข้ามาดำเนินการเรื่องนี้เป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท หากประเทศไทยโลเล วันนี้ทำได้ อีก 3 เดือน บอกทำไม่ได้ ก็จะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ และไม่มีความน่าเชื่อถือในการลงทุน” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า  คนที่พูด ยังงงๆ อยู่ อย่างกรณีหัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นอย่างไร ร่าง พ.ร.บ.ของพรรคก้าวไกลไปไกลถึงขั้นมีการจัดโซนนิ่งให้สูบด้วยซ้ำ ส่วนร่างของภูมิใจไทย ไม่มีเรื่องนี้ แล้วกรรมาธิการก็ให้เรื่องสูบ เสพตกใป แล้วนำความกังวลต่างๆ มาใส่ในกฎหมาย เพิ่มจาก 45 มาตรา เป็น 95 มาตรา ถือว่ามีความสมบูรณ์ในการนำไปใช้ป้องกันการใช้ทางที่ผิดได้ คนที่พูดต้องการหวังผลทางการเมือง สกัดความนิยมของพรรคการเมืองที่เสนอกฎหมายฉบับนี้เท่านั้นเอง เพราะในบริบทกฎหมายฉบับนี้มุ่งเน้นนำกัญชามาใช้ทางการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ เพราะเป็นนโยบายเร่งด่วนรัฐบาลข้อที่ 4 ซึ่งคำว่าเร่งด่วนจริงๆ ต้องทำใน 6 เดือน ไม่เกิน 1 ปี แต่เรามีการศึกษาวิจัยทั้งแผนไทย แผนปัจจับัน จึงยืดจนเกือบหมดสมัยรัฐบาล ถึงเสนอเข้าสภา

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ส่วนข้อกล่าวหาว่าหมอทั้งกระทรวงอยู่ข้างการเมืองนั้น ขอยืนยันว่าไม่จริง เพราะตนทำงานมา 4 ปี ไม่เคยไปแทรกแซงการทำงาน เคารพหลักวิชาการ และหน้าที่ของแต่ละคน  ดังนั้นเรื่องนี้ไม่มีการย้อนกลับ  "สายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ" The river of no return

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org