องค์การเภสัชกรรมเปิดความพร้อมร้านยา อภ. จำหน่ายยาฟาวิพิราเวียร์ ย้ำ! ต้องมีใบสั่งแพทย์ มีข้อมูลผู้ป่วยครบถ้วน เหตุการจ่ายยาต้องเป็นไปตามวิชาชีพเวชกรรม เพื่อให้จ่ายยาอย่างถูกต้อง ไม่เกิดปัญหาโอเวอร์โดส ใช้ยาผิดเกินความจำเป็น

เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2565 ที่องค์การเภสัชกรรม  ภญ.ปาริชาติ แคล้วปลอดทุกข์ ผู้เชี่ยวชาญระดับ 10 องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ให้สัมภาษณ์ว่า การจำหน่ายยาต้านไวรัสโควิด 19 ผ่านร้านขายยาแผนปัจจุบัน ตามประกาศของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่มีผลบังคับใช้วันที่ 1 ก.ย. 2565 ที่ผ่านมา อภ.ได้เริ่มจำหน่ายผ่านร้านยาของ อภ.สาขาราชเทวีวันนี้เป็นวันแรก โดยพรุ่งนี้จะทยอยกระจายไปที่ร้านขายยา 7 สาขาที่เหลือใน กทม.และปริมณฑล ซึ่งเบื้องต้นจากการประเมินยังไม่มีใบสั่งแพทย์เข้ามา เนื่องจากเพิ่งเริ่มเป็นวันแรก โดยขณะนี้มีการจำหน่ายเพียงยาฟาวิพิราเวียร์ขนาด 200 มิลลิกรัมต่อเม็ด เป็นแบบ 1 กระปุกมี 50 เม็ด โดยการซื้อจะต้องมีใบสั่งแพทย์มาด้วย

"ใบสั่งแพทย์จะต้องมีข้อมูลครบถ้วน ทั้งชื่อนามสกุลผู้ป่วย มีเลข HN โรงพยาบาล มีชื่อยา ขนาดความแรง จำนวนที่แพทย์สั่งจ่าย รวมถึงชื่อ นามสกุลของแพทย์ผู้สั่งจ่าย เลขที่ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม เพื่อให้สามารถตรวจย้อนกลับได้ว่า ใบสั่งแพทย์มาจากสถานพยาบาลใดและแพทย์คนใด เพื่อให้การจ่ายยาต้านไวรัสเป็นไปอย่างถูกต้อง ไม่เกิดปัญหาโอเวอร์โดสหรือใช้ยาผิด" ภญ.ปาริชาติกล่าว

 

 

ภญ.ปาริชาติ กล่าวว่า สำหรับยาฟาวิพิราเวียร์ 1 กระปุก 50 เม็ด จะมีขนาดเหมาะสมกับผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักตัว 45-90 กิโลกรัม ซึ่งจะแบ่งรับประทาน 5 วัน คือ วันแรกเป็น Loading Dose กินขนาด 1,800 มิลลิกรัมต่อวันทุก 12 ชั่วโมง เช่น กินตอน 6 โมงเช้าจำนวน 9 เม็ด และ 12 ชั่วโมงต่อมา คือ 6 โมงเย็นกินอีก 9 เม็ด รวมเป็น 18 เม็ด จากนั้นวันที่ 2-5 ลดขนาดลงมากิน 4 เม็ด ทุก 12 ชั่วโมง รวมเป็น 8 เม็ดต่อวัน ต่อเนื่องอีก 4 วัน ก็จะครบ 50 เม็ดพอดี แต่หากคนน้ำหนักตัวมากกว่านี้หรือเด็กที่น้ำหนักตัวน้อยกว่านี้ แพทย์จะคำนวณการสั่งจ่ายตามน้ำหนักตัวที่เหมาะสม และเราจะจ่ายยาตามใบสั่งแพทย์ที่สั่งจ่ายมา ซึ่งยาที่เหลือจากการจ่ายแบบไม่เต็มกระปุกจากกรณีน้ำหนักตัวมากหรือน้อยเกินไปนั้น จะเก็บในขวดในสภาวะที่เหมาะสม ไม่ต้องกังวลว่ายาจะเสื่อมสภาพหรือหมดอายุ

ภญ.ปาริชาติกล่าวว่า ขณะนี้เรามียาฟาวิพิราเวียร์อยู่ในสต๊อกพร้อมจำหน่าย 2.5 ล้านเม็ด จะกระจายทั้งภาครัฐ เอกชน และขายปลีกส่งให้ประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ ยังมีในไปป์ไลน์การผลิต 3 ล้านเม็ดจะทยอยออกมาใน ก.ย. โดยยาฟาวิพิราเวียร์ราคาเม็ดละ 15.5 บาท หรือกระปุกละ 775 บาท ส่วนอนาคตจะมีการผลิตยาโมลนูพิราเวียร์คาดว่าจะออกมาในสิ้นปี 2565 นี้ และน่าจะเริ่มจำหน่ายในร้านขายยาได้เช่นกัน โดยกำลังการผลิตจะพิจารณาจากสถานการณ์โรคดควิด 19 ส่วนราคายังไม่คอนเฟิร์ม แต่จะเป็นราคาที่สมเหตุผลและประชาชนเข้าถึงได้  ส่วนระหว่างนี้คงไม่มีการนำยาโมลนูพิราเวียร์ของผู้รับอนุญาตนำเข้ารายอื่นมาจำหน่าย เนื่องจาก อภ.จะมีการผลิตเอง และผู้นำเข้ารายอื่นก็สามารถดีลตรงกับร้านขายยาทั่วไปได้อยู่แล้ว

ถามว่ามีร้านขายยาอื่นมาติดต่อ อภ.เพื่อขอนำยาฟาวิพิราเวียร์ไปจำหน่ายแล้วหรือไม่  ภญ.ปาริชาติกล่าวว่า หลังจากมีข่าวว่า อย.ประกาศให้จำหน่ายในร้านขายยาได้ และ อภ.พร้อมที่จะมีสินค้าให้ ผู้แทนคือนักการตลาดของเราก็มีการให้ข้อมูลแก่ดีลเลอร์ที่เป็นลูกค้าร้านยาของเรา คือ ร้านยาตัวแทนจำหน่ายช่วงและร้านยาทั่วไป ซึ่งก็มีจำนวนหนึ่งสนใจติดต่อเข้ามา ว่าจะรับยาจากเราไปจำหน่ายให้แก่ลูกค้าตามภูมิภาคและจังหวัดต่างๆ รวมถึง กทม.ด้วย  ซึ่งการติดต่อมารับยาไปจำหน่ายก็ไม่ยาก ก็เหมือนกับยาอื่นๆ ทั่วไป ไม่มีความซับซ้อนอะไร เพียงแต่ร้านยาก็ต้องทำบัญชีการจำหน่ายยาไว้ในการตรวจสอบย้อนหลัง แต่ไม่ต้องส่งกลับมายัง อภ. ส่วนประชาชนก็สามารถสอบถามมาที่ อภ.ได้ว่าร้านยาใดที่มีการมารับยาฟาวิพิราเวียร์จาก อภ.ไปจำหน่าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามเจ้าหน้าที่พบว่า เริ่มมีประชาชนที่มาขอซื้อยาฟาวิพิราเวียร์แล้ว แต่ไม่มีใบสั่งแพทย์มา จึงไม่ได้มีการจำหน่ายให้แต่อย่างใด

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org