กรมควบคุมโรคเผยคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ เตรียมประชุม ต.ค.65 หารือแผนจัดซื้อวัคซีนโควิด Gen 2 รองรับโอมิครอน ส่วนอนาคตอาจฉีดเหมือนไข้หวัดใหญ่ปีละ 1 ครั้ง ขณะที่สถาบันวัคซีนแห่งชาติ เผยความคืบหน้าวัคซีนไทย อภ. ทดลองเฟสสอง ส.ค.แล้ว ส่วนวัคซีนจุฬา ChulaCov19 และวัคซีนใบยา อยู่ระหว่างศึกษาเช่นกัน คาดทยอยขึ้นทะเบียนพร้อมใช้ปลายปี 66

 

เมื่อวันที่ 6 ก.ย. นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมการบริหารจัดการวัคซีนปี 2566 โดยเฉพาะการนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิดรุ่นใหม่ ว่า กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างศึกษาและพิจารณาเรื่องนี้ ซึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติในเดือนตุลาคมนี้ อย่างไรก็ตาม การพิจารณาจัดสรรวัคซีนโควิดเป็นการพิจารณาผ่านคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ โดยคำนึงถึงความปลอดภัย ประสิทธิผล และความคุ้มค่าที่เกิดขึ้น

“ส่วนจะเป็นวัคซีนรุ่นใหม่ตัวไหน หรือจำนวนเท่าไหร่ที่จะพิจารณานำเข้ามานั้น ต้องรอคณะกรรมการวัคซีนฯพิจารณาในเดือนหน้าก่อน ซึ่งปัจจุบันที่มีข่าวออกมาก็มีวัคซีนจากไฟเซอร์ที่มีการพัฒนารุ่นใหม่เป็นสายพันธุ์โอมิครอน BA.4 และ BA.5 แต่ทางคณะกรรมการฯ จะต้องพิจารณาหลากหลายยี่ห้อ และผลการศึกษา จึงยังไม่สามารถสรุปได้ตอนนี้ว่าจะเป็นตัวไหน” รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าแนวโน้มการสั่งซื้อวัคซีนปี 2566 จะเป็นรุ่นใหม่ทั้งหมดหรือไม่ นพ.โสภณ กล่าวว่า โดยหลักการหากมีการสั่งซื้อกับบริษัทที่มีการผลิตวัคซีนรุ่นใหม่ๆ ก็จะได้รุ่นใหม่ทั้งหมด เนื่องจากล็อตการผลิตของบริษัทนั้นๆ จะปรับเปลี่ยนผลิตรองรับวัคซีน Gen ใหม่เช่นกัน แต่ทั้งนี้ขอให้รอการพิจารณาของคณะกรรมการวัคซีนฯ ก่อนว่าจะเป็นอย่างไร

ถามว่าหากปี 2566 ปรับการฉีดวัคซีนโควิดเพียงเข็มเดียว ต้องเน้นกลุ่มเสี่ยงแบบวัคซีนไข้หวัดใหญ่หรือไม่  นพ.โสภณกล่าว ในปี 2566 น่าจะฉีดแบบปีละเข็ม  ซึ่งต้องรอดูว่าองค์การอนามัยโลกจะประกาศอย่างไร แต่แนวโน้มน่าจะเป็นเช่นนั้น อาจ 6 เดือนหรือ 1 ปี แต่หลักๆจะคล้ายการฉีดไข้หวัดใหญ่  อย่างไรก็ตาม ปีนี้หลายคนได้ไป 4-5 เข็มแล้ว ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเน้นกลุ่มเสี่ยงเป็นหลัก พอไม่เสี่ยงผู้ใหญ่วัยทำงานก็เป็นทางเลือก ไม่ได้บังคับทุกคนรับวัคซีนเหมือนกันหมด 100% ถ้าเราเน้นกลุ่มเสี่ยงสูงเป็นไปได้ที่ฉีดได้ตามเป้าหมาย

ข่าวเกี่ยวข้อง : เปิดผลศึกษาฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นลดป่วยหนัก-เสียชีวิต ประสิทธิผลเกินกว่า 80% นานถึง 6 เดือน

ด้านนพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวนยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าวัคซีนป้องกันโควิดโดยคนไทยผลิตว่า ขณะนี้ส่วนใหญ่อยู่ในการศึกษาเฟส 2  ยกตัวอย่างขององค์การเภสัชกรรม ที่พัฒนาวัคซีนโควิด HXP-GPOVac  ได้ทดลองในมนุษย์ เฟส 2 ช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งหากผลการศึกษาออกมาผ่านทั้งหมดก็สามารถขึ้นทะเบียนพร้อมใช้ได้ในช่วงปี 2566  ส่วนวัคซีนที่คนไทยผลิตรายอื่นๆ ทั้งวัคซีน ChulaCov19 และวัคซีนใบยา หากผลการศึกษาผ่านทั้งหมดก็จะขึ้นทะเบียนและพร้อมใช้เวลาไล่เลี่ยกัน คือ น่าจะช่วงปลายปี 2566

ผู้สื่อข่าวถามว่า การพัฒนาวัคซีนโควิดของคนไทยมองว่าช้าไปหรือไม่ นพ.นคร กล่าวว่า  ต้องอยู่ที่ว่าเปรียบเทียบกับประเทศใด ซึ่งหากเป็นประเทศที่มีการวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิดอย่างสหรัฐ  ยุโรป จีน อินเดีย อังกฤษ ก็ถือว่าเราเร็วมากเมื่อเทียบกับสถานการณ์ปกติ อย่างไรก็ตาม ศักยภาพวัคซีนไทย ตนมองว่าสามารถนำมาฉีดกระตุ้นได้

“ที่สำคัญที่อยากฝากคือ ขณะนี้ในกลุ่มที่ยังไม่ได้ฉีดบูสเตอร์ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 ขอให้มาฉีด อย่าไปรอวัคซีนรุ่นใหม่ เนื่องจากตั้งปีหน้า ซึ่งจะเสี่ยงติดก่อน ยิ่งกลุ่มสูงอายุ ควรฉีดวัคซีนเพื่อลดอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้” นพ.นคร กล่าว

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org

ข่าวเกี่ยวข้อง

ครม.เห็นชอบปรับสัญญาไฟเซอร์เด็กเล็ก “6 เดือน- 5 ปี” 3 ล้านโดส นำเข้าล็อตแรก ต.ค.นี้