ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เชิญผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุมหารือเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ช่วงบ่ายวันที่ 18 ก.ค.นี้ เหตุพบการติดเชื้อมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ กทม. มีผู้ป่วยเข้ารักษามากกว่า 1 พันรายต่อวัน เน้นการลดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความเสี่ยงการแพร่หรือรับเชื้อ และเตรียมความพร้อมโรงพยาบาลในสังกัดรองรับการรักษา  

 

เมื่อวันที่ 17 ก.ค.2565  นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์โรคโควิด 19 มีแนวโน้มพบการติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และจังหวัดท่องเที่ยว ทำให้มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น ซึ่ง กทม.ถือเป็นพื้นที่เปราะบางและมีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดมากกว่าพื้นที่อื่น  เนื่องจากเป็นเมืองขนาดใหญ่ มีประชากร มีการเดินทาง และมีกิจกรรมต่าง ๆ จำนวนมาก ดังนั้น จึงเชิญผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด 19 (ศปค.สธ.) ในวันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม 2565 นี้ เพื่อหารือการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์การระบาดที่จะเกิดขึ้น โดยกระทรวงสาธารณสุขจะขอความร่วมมือในการดำเนินการ 2 ส่วน คือ การลด ละ เลิก กิจกรรมที่ทำให้เกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อและแพร่เชื้อ ซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร สามารถออกมาตรการต่าง ๆ ภายในพื้นที่ให้มีความเหมาะสมได้

 

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวอีกว่า อีกส่วนคือการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาล โดยปัจจุบันมีผู้ป่วยโควิด 19 เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลประมาณ 2 พันรายต่อวัน และกว่าครึ่งอยู่ในพื้นที่ กทม. คือประมาณ 1 พันกว่าราย ส่วนเตียงผู้ป่วยโควิดอาการสีเหลืองและสีแดง หรือเตียงระดับ 2-3 ภาพรวมทั้งประเทศมีการใช้ประมาณ 13% แต่ กทม. มีอัตราครองเตียงกว่า 42% ส่วนหนึ่งเกิดจากการคืนเตียงโควิดกลับไปใช้รักษาผู้ป่วยโรคอื่น ๆ ทำให้ต้องเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการเตียงให้เพียงพอ ซึ่งโรงพยาบาลในพื้นที่ กทม. มีหลากหลายสังกัด ทั้งของกทม. กรมการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ ทหาร ตำรวจ รวมถึงโรงพยาบาลเอกชน จึงต้องประสานความร่วมมือเพื่อช่วยกันรองรับสถานการณ์ โดยมี กทม.เป็นหน่วยงานหลักในการเตรียมความพร้อม และกระทรวงสาธารณสุขให้การสนับสนุนในทุกด้านอย่างเต็มที่

“สำหรับประชาชนยังคงต้องเข้มมาตรการป้องกันตนเอง เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ และมารับวัคซีนให้ครบ 3 เข็ม รวมถึงรับเข็มกระตุ้นทุก 4 เดือน จะช่วยป้องกันอาการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org