กระทรวงสาธารณสุขพร้อมรับแรงงานไทยกลับจากยูเครน เหตุสถานการณ์กับรัสเซีย  ล็อตแรก 38 คน ล็อตสองอีก 58 คน เข้าตรวจ RT-PCR หากเป็นลบกลับภูมิลำเนา หากบวกเข้ารักษาสถาบันบำราศนราดูร ด้าน "อนุทิน" จัดQuarantine Center ที่บำราศฯ รองรับ ขณะที่แรงงานไทยเปิดใจสถานการณ์สงคราม

เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่สถาบันบำราศนราดูร นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน  ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ เดินทางมาให้กำลังใจกับแรงงานไทยกลับจากประเทศยูเครน พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า จากตัวเลขของกระทรวงการต่างประเทศมีคนไทยอยู่ในยูเครนประมาณ 253 คน เป็นแรงงาน 139 ราย แจ้งความประสงค์เดินทางกลับไทยประมาณ 100 คน ทะยอยเข้ามา ที่เหลือมีครอบครัว จึงยังขออยู่ที่ยูเครน วันนี้ล็อตแรกเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว 38 คน เข้าตรวจ RT-PCR ส่วนล็อต 2 จะมาถึงช่วงบ่ายวันนี้ อีก 58 ราย ทั้งนี้เมื่อตรวจ RT-PCR หากเป็นลบก็เดินทางกลับภูมิลำเนา ตามระบบ test & go ส่วนคนที่มีผลตรวจออกมาเป็นบวก ก็จะอยู่รักษาตัวที่สถาบันบำราศนราดูร พร้อมกันนี้ยังได้มอบเงินกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ไปทำงานต่างประเทศคนหางานที่ไปทำงานต่างประเทศ คนละ 15,000 บาท จาก จากการตรวจสอบพบว่าในจำนวนรถลากที่กลับมานั้นมีเพียง 21 คนที่เป็นสมาชิกของกองทุน

วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจแรงงานไทยที่เดินทางกลับมาจากประเทศยูเครน ซึ่งมีสถานการณ์สู้รบกับรัสเซีย โดยเข้ารับการดูแลกักตัวที่ศูนย์ Quarantine Center สถาบันบำราศนราดูร

นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ได้มาต้อนรับแรงงานไทยที่กลับมาจากยูเครน ตามนโยบายและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ให้ทำทุกวิถีทางเะอให้คนไทยในยูเครนกลับสู่มาตุภูมิโดยเร็วที่สุด ซึ่งทราบมาว่า เรามีแรงงานไทยทำงานในยูเครน 139 คน วันนี้เดินทางกลับมาแล้วชุดแรก 38 คน และช่วงบ่ายอีก 58 คน รวม 96 คน ส่วนที่เหลือจะทยอยเดินทางกลับม่ค่ดว่าภายใน 1-2 วันนี้

(ข่าวเกี่ยวข้อง : ‘นายก’ ห่วงใยคนงานในยูเครน มอบเงินปลอบขวัญแรงงาน กว่า 1 ล้านบาท

นายอนุทินกล่าวว่า แรงงานไทยที่กลับมา เราให้มาอยู่ที่ Quarantine Center สถาบันบำราศนราดูร เนื่องจากแรงงานเหล่านี้ไม่มีเวลาลงทะเบียน Thailand Pass หรือเข้าระบบ Test&Go จึงเปิดศูนย์แห่งนี้เพื่อทำการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ส่วนใหญ่ไม่พบเชื้อ โดยพบเชื้อเพียง 3 คน เป็นกลุ่มสีเขียว ไม่มีอาการ ซึ่ง สธ.ได้ให้การดูแลรักษาตามอาการของโรคเรียบร้อยที่สถาบันบำราศนราดูร ส่วนที่เหลือจะกักตัวเฝ้าระวังอาการตามแนวทาง 7+3 โดยจะมีการตรวจ ATK ในช่วงวันที่ 5 หากผลเป็นลบ เมื่อครบวันที่ 7 ก็สามารถเลือกอยู่เฝ้าสังเกตอาการต่อได้ หรือเดินทางกลับบ้านหรือภูมิลำเนา ส่วนระหว่างกักตัวหากมีอาการก็สามารถแจ้งได้ทันทีผ่านระบบหมอชนะ

"รัฐบาลไทยดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานยังมอบเงินจากกองทุนช่วยเหลือคนไปทำงานต่างประเทศ กรณีลี้ภัยสงคราม ให้ผู้เดินทางกลับมาด้วย จากการสอบถามทุกท่านดีใจที่กลับมาเมืองไทยได้ และพบว่าคนไทยส่วนใหญ่ในยูเครนรับวัคซีนสองเข็ม ซึ่งเราจะจัดวัคซีนเข็ม 3 ก่อนกลับบ้าน เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันว่าจะปลอดภัยจากโควิด" นายอนุทินกล่าว

นายอนุทินกล่าวว่า ช่วงที่เดินทางกลับภูมิลำเนา จะมีการแจกชุดตรวจ ATK เพื่อใช้ตรวจหาเชื้อด้วย และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจะร่วมกับแรงงานจังหวัดในการติดตามดูแลช่วยเหลือในระยะต่อไป ส่วนการดูแลสุขภาพจิตนั้น แรงงานเหล่านี้ออกจากเมืองอันตรายมาอยู่บ้านเกิด เป็นใครก็ต้องดีใจ ซึ่งเท่าที่คุยขวัญกำลังใจดี ส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่เมืองหลวงหรือเมืองเคียฟ แต่อยู่ทางตอนใต้ ซึ่งสถานการณ์ยังไม่รุนแรง แต่ถ้าใครมีปัญหาก็ต้องสอบถามก่อนให้เดินทางกลับ แต่คิดว่าเราดูแลเขาอยู่ตรงนี้ขวัญกำลังใจก็กลับมาเยอะ

น.ส.สุภาพ โพธิลเดา อายุ 46 ปี มาจากเมืองโอเดซา ประเทศยูเครน ซึ่งเดินกลับถึงประเทศไทยเป็นล็อตแรก พร้อมเข้ารับการตรวจหาเชื้อ covid19 โดยวิธี RT -PCR ที่สถาบันบําราศนราดูรผลออกมาเป็นลบ เล่าด้วยเสียงสั่นเครือ เล่าประสบการณ์เผชิญภัยสงคราม ที่ประเทศยูเครน ได้ยินเสียงระเบิดลูกแรกก็ขาสั่น ขาอ่อนเหมือนกัน ตอนนี้เจอแสงแฟลชยังตกใจ อย่างไรก็ตาม แต่เนื่องจากเมืองที่เราอยู่ทางใต้จึงไม่หนักเหมือนคนที่อยู่ในเมืองหลวงซึ่งเป็นพื้นที่สงคราม ซึ่งจะมีระเบิดลงบ่อย แต่เราเองก็ทุลักทุเล ต้องอยู่แต่ในบ้าน ไปทำงานไม่ได้ แต่ตอนนี้ในเมืองโอเดสซาออกมากันหมดแล้ว ยกเว้นบางคนที่มีครอบครัวอยู่ที่นั่นจึงไม่ได้เดินทางกลับมา แต่ก็ค่อนข้างทุลักทุเล การเดินทางหลายต่อ มีการระเบิดสะพาน ใช้เวลานาน  

"ความรู้สึกเมื่อได้เหยียบแผ่นดินไทย รู้สึกดีใจมาก รู้สึกปลอดภัย ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้การช่วยเหลือ หลังจากนี้จะเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดมหาสารคาม เดินทางปลอดภัยถึงแม้เหตุการณ์ที่ยูเครนจะสงบแล้วคงไม่คิดกลับไปทำงานที่นั่นอีกคงจะหางานทำที่เมืองไทย เพราะรายได้จากการทำงานที่ยูเครนก็ได้ประมาณเดือนละ 20,000 ซึ่งไม่แตกต่างจากการทำงานในประเทศไทย"  นางสาวสุภาพ  กล่าว

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org