กทม.ติดโอมิครอนกระจายทุกกลุ่มอายุ พบมากวัยรุ่น วัยทำงาน เปิด 10 อันดับติดเชื้อระลอกใหม่สูง เขตราชเทวีสูงสุด รองลงมาจอมทอง สรุปติดเชื้อแนวโน้มสัปดาห์ที่ผ่านมาสูงประมาณ 1,800-2,000 รายต่อวัน เริ่มทรงตัว
เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.สุทัศน์ โชตนะพันธ์ ผอ.สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) กรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด 19 พื้นที่ กทม. ว่า วันนี้ กทม.มีผู้ติดเชื้อใหม่ 2,757 ราย กระจายตัวทั่วทุกเขตใน กทม. โดย 10 อันดับแรกที่ติดสูงในระลอกใหม่ คือ ราชเทวี 1,463 ราย จอมทอง 1,340 ราย บางกอกน้อย 1,267 ราย สายไหม 1,122 ราย ประเวศ 1,058 ราย จตุจักร 1,047 ราย ห้วยขวาง 986 ราย บางแค 969 ราย หลักสี่ 908 ราย และบางเขน 894 ราย อย่างไรก็ตาม การกระจายแต่ละเขตทั่วๆ กันไป ต่างกันไม่มาก
ทั้งนี้ ระลอกใหม่ตั้งแต่ต้นปี 2565 เป็นเชื้อโอมิครอน การติดเชื้อกระจายตัวทุกกลุ่มอายุ เริ่มพบมากในกลุ่มวัยรุ่นวัยทำงาน และนักเรียนชั้นม.ปลายปะปนขึ้นมา ปัจจัยเสี่ยงคือสัมผัสผู้ป่วยยืนยัน และเข้าไปพื้นที่แออัด ใช้บริการสถานที่อากาศปิด เช่น ร้านอาหารที่ปรับมาจากผับบาร์ เป็นต้น เหมือนที่ผ่านมา แต่พบการกระจายในครอบครัวง่ายขึ้น จากเดิมที่มักติดคนเดียว แต่พบการติดเกือบทุกคนในครอบครัว เพราะเชื้อแพร่ง่าย และส่วนหนึ่งอาจมีการหย่อนมาตรการในครอบครัว ดังนั้น จึงต้องเข้มมาตรการป้องกันตนเอง
สำหรับการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิดในระลอกใหม่นี้ เป็นหญิงและชายพอๆ กัน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและและมีโรคประจำตัว มีประวัติรับวัคซีนไม่ครบหรือไม่ได้รับ อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตลดลง แสดงว่าตัวโรคไม่รุนแรง การเสียชีวิตค่อนข้างน้อย อีกส่วนที่แสดงว่าอาการไม่รุนแรง คือ ผู้ที่มีอาการป่วยตรวจ ATK บวก ดูแลพักที่บ้าน ส่วนใหญ่เป็นอาการสีเขียว มีสีเหลืองส่วนน้อย จนถึงตอนนี้ยังไม่ค่อยพบสีแดง
"สรุปสถานการณ์การติดเชื้อแนวโน้มสัปดาห์ที่ผ่านมาสูงขึ้นจริง พบประมาณ 1,800-2,000 รายต่อวัน ลักษณะของโรคยังไม่แสดงลักษณะอาการรุนแรง ปัจจัยเสี่ยงกระจายตัวทุกกลุ่มอายุ ปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือติดจากการพบผู้ป่วยยืนยัน ปฏิบัติงานพื้นที่เสี่ยง แหล่งชุมชน รวมตัวทำกิจกรรม การรวมกลุ่มสังสรรค์ในร้านอาหารกึ่งผับบาร์ การเสียชีวิตลดลงจาก 5-10 รายต่อวันเหลือ 1-2 รายต่อวัน เน้นย้ำมาตรการป้องกันตนเองโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง คัดกรอง ATK ก่อนปฏิบัติงาน และปฏิบัติตนเองเรื่อง COVID Free Setting" นพ.สุทัศน์กล่าว
เมื่อถามว่าแนวโน้ม กทม.จะสูงขึ้นอีกแค่ไหน นพ.สุทัศน์กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในแนวโน้มสูงขึ้น แต่จะสูงขึ้นกว่านี้ไม่มาก และน่าจะทรงตัวได้ ซึ่งการติดเชื้อในกทม.ที่สูงขึ้นก็เป็นไปตามคาดการณ์ และสอดคล้องกับสถานการณ์ประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยใน กทม.ที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งยังมาจากปริมณฑลที่บริษัทต่างๆ ส่งพนักงานที่ติดเชื้อเข้ามารักษาด้วย และยังต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อจากผู้ที่กลับเข้ามาทำงาน สำหรับคลัสเตอร์ต่างๆ ใน กทม. ยังเป็นแหล่งชุมชน ตลาดพบบ้าง ส่วนค่ายมวยก่อนหน้านี้พบตอนนี้ปรับปรุงก็ไม่พบแล้ว ส่วนแคมป์ก็พบน้อยลง
*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org
- 209 views