นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรีฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 28 กันยายนว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จัดซื้อวัคซีนแอสตราเซเนกา จำนวน 60 ล้านโดสสำหรับปี 2565 โดยมีแผนการส่งมอบในไตรมาสแรกจำนวน 15 ล้านโดส ไตรมาสที่ 2 จำนวน 30 ล้านโดส และไตรมาสที่ 3 จำนวน 15 ล้านโดสเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการแพร่ระบาด นอกจากนี้ยังเห็นชอบให้จัดซื้อวัคซีนแอสตราเซเนกาจากประเทศสเปนเพิ่มเติมอีก 165,000 โดส จากเดิมซึ่งที่ประชุมครม.เมื่อวันที่ 14 ก.ย.เห็นชอบให้จัดซื้อแล้วจำนวน 449,500 โดส รวมทั้งสิ้นจะมีการจัดส่งวัคซีนแอสตราเซเนกาจากประเทศสเปนทั้งสองชุดจำนวน 614,500 โดสในช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีวัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือกจำนวน 178.2 ล้านโดส

ด้านน.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงว่า ครม.มีมติเห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว 3 สัญชาติ ได้แก่ เมียนมาร์ ลาว และกัมพูชา เพื่อสนับสนุนการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกกรณีที่ทำงานไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ให้นายจ้างยื่นขออนุญาตทำงานแทนภายใน 30 วัน นับแต่ประกาศมีผลบังคับใช้ ซึ่งจะสามารถทำงานในประเทศไทยอยู่ได้จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 และให้คนต่างด้าวที่ได้รัอนุญ่ตให้ทำงานแล้วนั้นต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนหรือประกันสุขภาพ ตรวจโรคต้องห้าม และจัดเก็บอัตลักษณ์บุคคลภายในวันที่ 31 มีนาคม 2565 ซึ่งจะได้รับอนุญาติให้อยู่ในประเทศไทยได้เป็นการชั่วคราวถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2565

สำหรับกลุ่มที่ 2 คือแรงงานต่างด้าวที่ขออนุญาตทำงานแล้วแต่กระบวนการยังไม่แล้วเสร็จก็ให้ขยายเวลาดำเนินการ โดยขยายเวลายื่อนคำขออนุญาตจากภายในวันที่ 16 มิถุนายน 2564 เป็น 13 กันยายน 2564 เป็นการขยายย้อนหลัง เพื่อให้สามารถอยู่ในราชอาณาจักรและทำงานได้จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 และหากต้องการทำงานในประเทศไทยให้ถึงวีนที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ต้องดำเนินการตรวจโรคต้องห้ามภายในวันที่ 18 ตุลาคมนี้ และปรับปรุงทะเบียนประวัติภายในวันที่ 31 มีนาคม 2565

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงว่าที่ ประชุมครม.มีมติขยายระยะเวลาเปิดรับนักท่องเที่ยวพิเศษ Special Tourist Visa หรือ STV ออกไปอีก 1 ปี จากเดิมที่จะสิ้นสุดภายในวันที่ 30 กันยายนนนี้ ก็ให้ไปสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 ซึ่งเป็นกลุ่มคนต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูงมีการพำนักแบบระยะยาวตั้งแต่ 90-270 วัน ช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬารายงานว่า ผลการดำเนินงานช่วง 1 ปีที่ผ่านมามีกลุ่มนักท่อวเที่ยวที่มีศักยภาพ กลุ่มลองสเตย์เดินทางเข้ามาตามแนวทาง STV จำนวน 5,609 ราย สร้างรายได้มีเงินหมุนเวียนในระบบไม่น้อยกว่า 1,243 ล้านบาท ประกอบด้วยนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ เดนมาร์ก เนเธอแลนด์ สเปน และโครเอเชีย สำหรับจังหวัดซึ่งนักท่องเที่ยวเดินทางไปหลังกักตัวมากที่สุดคือ กทม. เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต อุดรธานี ชลบุรี ปทุมธานี นนทบุรี เชียงใหม่ และ ระยอง ส่วนใหญ่พำนักในประเทศไทยเฉลี่ย 90 วัน

 

ภาพ : https://www.thaigov.go.th