วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหารเปิดศูนย์พักคอยผู้ติดเชื้อโควิดกลุ่มไม่มีอาการ (สีเขียว) รองรับทั้งทั้งภิกษุและญาติโยมที่ติดเชื้อโควิด-19 และมีปัญหาไม่มีสถานที่แยกกักตัว โดยเตรียมอาคารไว้รองรับภิกษุ 77 เตียง และชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงอีก 48 เตียง เริ่มรับตัวผู้ป่วย 1 ก.ย. นี้

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 64 ที่ผ่านมา พระธรรมวชิรเมธี (มีชัย วีรปญฺโญ ป.ธ.๙, รศ.ดร.) เจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร เป็นประธานเปิด "Temple Isolation" หรือศูนย์พักคอยวัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร โดยมี นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นพ.อภิชาติ รอดสม รองเลขาธิการ สปสช. นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.สุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร และ นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา พร้อมด้วยผู้แทนจากภาคส่วนต่าง ๆ เข้าร่วมพิธีเปิดศูนย์พักคอย โดยศูนย์พักคอยแห่งนี้ จัดตั้งเพื่อใช้เป็นสถานที่ดูแลรักษาภิกษุสงฆ์สามเณรที่ติดเชื้อโควิด-19 ตลอดจนประชาชนที่ติดเชื้อในละแวกใกล้เคียง ซึ่งจะเริ่มรับตัวผู้ติดเชื้อตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2564 เป็นต้นไป

พระธรรมวชิรเมธี (มีชัย วีรปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร เปิดเผยว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันคนทั่วไปได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 เป็นจำนวนมาก แม้แต่ภิกษุสามเณรก็ติดเชื้อมากขึ้นในหลายๆ วัดเนื่องจากต้องมีปฏิสัมพันธ์กับญาติโยมอยู่เสมอ ขณะที่สถานที่สำหรับดูแลรักษาประชาชนทั่วไปก็ขาดแคลน ส่วนภิกษุสงฆ์เอง แม้โรงพยาบาลสงฆ์จะให้การดูแลเป็นอย่างดี แต่หากจำนวนพระและสามเณรติดเชื้อมากขึ้นโรงพยาบาลสงฆ์ก็อาจจะรองรับไม่ไหวเช่นกัน

"เฉพาะที่วัดหงส์รัตนารามฯก็มีพระจำวัดร้อยกว่ารูป การตรวจคัดกรองจะทำให้ทราบว่าติดหรือไม่ติดเชื้อ ถ้ารู้เร็วและอาการไม่หนักก็สามารถอยู่ในที่พักภายใต้การดูแลของแพทย์ได้ ของโยมมี home isolation พระสงฆ์ก็สามารถอยู่ในกุฎิที่ห่างไกล หรือเป็นโซนที่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับส่วนอื่นๆ" พระธรรมวชิรเมธี กล่าว

ด้วยเหตุนี้ ทางวัดจึงมีแนวคิดที่จะจัดตั้งศูนย์พักคอย เพราะมีอาคารที่สามารถรองรับผู้ติดเชื้อได้อยู่แล้ว โดยในส่วนของภิกษุสงฆ์จะเน้นพระที่ติดเชื้อในเขตบางกอกใหญ่และฝั่งธนก่อน ส่วนญาติโยมก็เน้นรับผู้ติดเชื้อจากชุมชนละแวกใกล้เคียง หากไม่มีที่กักตัวก็สามารถมาอยู่ที่ศูนย์พักคอยที่วัดวัดหงส์รัตนารามฯ แต่ถ้ามีเตียงเหลือก็สามารถขยายขอบเขตรับผู้ป่วยในพื้นที่ที่ไกลออกไปได้เช่นกัน ซึ่งการดำเนินงานก็ได้รับการอนุเคราะห์จากหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มาช่วยออกแบบปรับสภาพแวดล้อมให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ความปลอดภัย และมีคณะแพทย์พยาบาลอาสามาช่วยดูแลด้วยกุศลจิตโดยไม่มีค่าตอบแทนแต่อย่างใด

พระครูปลัดบำรุง ปญฺญาพโล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนารามฯ กล่าวว่า นอกจากภิกษุสามเณรที่ติดเชื้อโควิด-19 มากขึ้นแล้ว เฉพาะในชุมชนวัดหงส์ฯก็มีผู้ติดเชื้อกว่า 130 ครอบครัว ก่อนหน้านี้ทางวัดดูแลโดยการส่งอาหารและของใช้ต่างๆไปให้ที่บ้าน แต่ก็เห็นความลำบากของคน เช่น ในบ้านมีสมาชิกหลายคนแต่ติดเชื้อคนเดียว หาที่พักไม่ได้ แยกกักตัวไม่ได้ หลวงพ่อเจ้าอาวาสจึงมีดำริในเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะทางวัดมีอาคารอยู่แล้วก็อยากใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและยังเป็นการช่วยเหลือพระเณรและประชาชนด้วย

พระครูปลัดบำรุง กล่าวว่า สำหรับศูนย์พักคอยวัดหงส์รัตนารามฯ มีศักยภาพในการรองรับผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว โดยใช้พื้นที่ 2 อาคารคืออาคารเรียนพระปริยัติธรรมพระปิ่นเกล้าสำหรับสงฆ์ มีจำนวน 77 เตียง และ อาคารโรงเรียนวัดหงส์รัตนารามสำหรับประชาชนมี 48 เตียง แยกเป็นหญิง 24 เตียง ชาย 24 เตียง

ในส่วนของโรงพยาบาลี่จับคู่กับศูนย์พักคอยแห่งนี้คือโรงพยาบาลพระปิ่นเกล้า อีกทั้งจะมีทีมแพทย์พยาบาลจากจากโรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลสงฆ์และโรงพยาบาลบุษราคัมมาช่วยเสริม แต่การคัดกรองหรือการตรวจอื่นๆจะส่งไปตรวจที่โรงพยาบาล โดยวัดจัดรถรับส่งให้ ขณะที่วัดจะดูแลเรื่องอาหารการกิน ของใช้ และเรื่องกายภาพทั้งหมด

ด้าน นพ.จเด็จ กล่าวว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่ทางวัดหงส์รัตนารามฯมีจิตเมตตาและริเริ่มที่จะใช้สถานที่ของวัดในการดูแลผู้ติดเชื้อ ซึ่งตรงกับหลักการของ สปสช.ที่อยากส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมดูแลผู้ป่วยในชุมชนของตัวเองภายใต้การดูแลของหน่วยบริการที่มาจับคู่ด้วย ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่ กทม. ก็มีการเปิดศูนย์พักคอยหรือ Community isolation ไปหลายแห่งแล้ว ยิ่งเปิดมากก็จะยิ่งเพิ่มทางเลือกแก่ผู้ติดเชื้อในการแยกกักตัวภายใต้การดูแลของแพทย์และจะทำให้การควบคุมป้องกันโรคมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org