301 องค์กร วอนนายกฯ มอบเงินอุดหนุนเด็กเล็กถ้วนหน้า เป็นของขวัญวันเด็ก ช่วยเหลือวิกฤตจากโควิด-19 รอบใหม่ เผยรัฐประกาศปิดสถานรับเลี้ยงเด็กไร้มาตรการรองรับ ทำเด็กขาดความช่วยเหลือเรื่องพัฒนาการ-นม-อาหาร
วันนี้ 9 ม.ค. ที่สนามเด็กเล่น มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ ชุมชนเสือใหญ่ประชาอุทิศ ถนนรัชดาภิเษก 36 กรุงเทพฯ คณะทํางานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเงินอุดหนุนเด็กเล็กสู่ถ้วนหน้า จัดเวทีแถลงข่าว “จดหมายเปิดผนึก จากภาคประชาสังคม 301 องค์กร เรียกร้องนายกรัฐมนตรี มอบของขวัญวันเด็กปี 2564 ด้วยนโยบายสวัสดิการเงินอุดหนุนเด็กเล็กแบบถ้วนหน้า” โดยมีตัวแทนคณะทำงานฯจากเครือข่ายภาคประชาสังคมและภาควิชาการ 301 องค์กร จากทั่วประเทศ ร่วมเสนอสถานการณ์และข้อเรียกร้อง
นางศีลดา รังสิกรรพุม ผู้จัดการมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ กล่าวว่า จากสถานการณ์วิกฤตจากโควิด-19 ทำให้รัฐบาลประกาศปิดสถานรับเลี้ยงเด็กโดยไร้มาตรการรองรับทําให้เด็กขาดความช่วยเหลือเรื่องนมและอาหาร ขาดการพัฒนา เพราะเด็กต้องอยู่ในห้องเช่าแคบๆ และเสี่ยงอันตราย จากที่พ่อแม่ต้องไปหาเช้ากินค่ำ เด็กเล็กอาจต้องอยู่กับพี่ที่อายุน้อย หรือต้องติดตามพ่อแม่ ผู้ดูแลไปทำงานในพื้นที่เสี่ยง บางกรณี เช่น ยายไปรับจ้างทําความสะอาดในศูนย์อาหารต้องเอาหลานไปด้วย ถึงเวลาที่รัฐบาลจะต้องมีมาตรการดูแลเด็กเล็กทั่วประเทศ ด้วยเงินช่วยเหลือสวัสดิการเงินอุดหนุนเด็กเล็กแบบถ้วนหน้าเป็นคำตอบ
นางอภันตรี เจริญศักดิ์ รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กล่าวว่า กว่า70 %แม่ที่ทํางานภาคอุตสาหกรรมเข้าไม่ถึงโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพราะไม่ทราบว่าตนมีสิทธิ คิดว่ามีเพียงเงินสงเคราะห์บุตรจากประกันสังคม ยิ่งตอนนี้ ตกงานหลายคน ถูกเลิกจ้าง ลอยแพ พอไปเจอระบบการคัดกรอง หาคนค้ำประกันตรวจสอบคุณสมบัติ หลายคนแม้กําลังตกงานก็ยังไม่ผ่าน และต้องรอคําตอบ ขณะที่วันนี้ ไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกกิน
“อะไรคือความเท่าเทียมของสิทธิเด็ก รัฐบาลและหลายพรรคการเมืองต่างหาเสียงกับแรงงาน ทั้งให้คํามั่นสัญญา “เกิดปุ๊บรับปุ๊บ” “สิทธิเท่าเทียมถ้วนหน้า” ขอวิงวอนให้รัฐบาลใช้มาตรการช่วยเร่งด่วนให้เป็นของขวัญวันเด็ก ด้วยเงินอุดหนุนเด็กเล็กแบบถ้วนหน้า 600 บาท เพื่อฟื้นฟูชีวิตเด็กไทยจากวิกฤตนี้”
นางสาวนิไลมล มนตรีกานนท์ สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ (สรส.) กล่าวถึงผลกระทบจากสถานการณ์โควิดว่า ครอบครัวเสี่ยงต่อการเป็นคนจนใหม่ เช่น หากคนในครอบครัวคนใดคนหนึ่งถูกเลิกจ้าง หรือไม่มีงานล่วงเวลาทํา มีรายได้ลดลง กระทบต่อค่าใช้จ่าย คนมีลูกส่วนใหญ่มีรายได้น้อย รายได้รวมกันน้อยกว่าแสนบาทต่อปี หรือเกินกว่าก็ไม่มาก ตอนนี้โควิด-19 รุนแรงกว่าครั้งที่ผ่านมา ยิ่งสร้างความตื่นตระหนก ยิ่งมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น จากการต้องซื้ออุปกรณ์ป้องกันการเดินทางยากลําบาก ไม่กล้านั่งรถโดยสารก็ต้องนั่งแท็กซี่ รายได้ไม่พอ กับค่าใช้จ่าย โอกาสเป็นคนจนใหม่สูง เงินอุดหนุนเด็กเล็กแบบถ้วนหน้าเป็นหลักประกันว่า แม้จะถูกลดเงินเดือน ไม่มีงานล่วงเวลา หรือ ตกงาน ก็ยังมีสวัสดิการดูแลลูกเดือนละ 600 บาท
นางสุนี ไชยรส วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า คณะทํางานฯ ได้ทําจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา เพื่อผลักดันนโยบายนี้มาตั้งแต่ต้น เพราะเห็นว่า สวัสดิการเงินอุดหนุนเด็กเล็กแบบถ้วนหน้าเป็นการลงทุนทรัพยากรมนุษย์ที่คุ้มค่าที่สุดด้านการพัฒนาเด็ก จนล่าสุด คณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ (กดยช.) มีมติในการประชุมครั้งที่ 2/2563 เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563 เห็นชอบต่อแนวทางการจัดสวัสดิการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดแบบถ้วนหน้า ในอัตรา 600 บาท/คน/เดือน โดยให้เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 คือ เดือนตุลาคม 2564 แต่จากสถานการณ์โควิด-19 ที่กลับมารอบใหม่มีความรุนแรงมากกว่าเดิม ส่งผลกระทบต่อภาวะสุขภาพ ปัญหาด้านเศรษฐกิจและสังคม ต่อทุกกลุ่มคนหลากหลายอาชีพ โดยเฉพาะเด็กเล็กมักเป็นกลุ่มที่ถูกมองข้าม
“คณะทํางานฯ โดยองค์กรเครือข่ายภาคประชาสังคม 301 องค์กร จึงได้ร่วมกันลงชื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี มอบของขวัญวันเด็ก 2565 ที่มีคุณค่าที่สุดคือ สนับสนุน นโยบายสวัสดิการเงินอุดหนุนเด็กเล็กแบบถ้วนหน้าในอัตรา 600 บาท/คน/เดือน ตามมติของ กดยช.โดยให้พิจารณาเป็นวาระเร่งด่วน เริ่มดําเนินการทันที ตั้งแต่ เดือนมกราคม 2564 นี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือเด็กเล็กที่ครอบคลุมและทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน และยังเตรียมความพร้อมสู่นโยบายดังกล่าว ในปีงบประมาณ 2565 อีกด้วย” นางสุนี กล่าว
- 14 views