สธ.ร่วมมืออโกด้าเปิดแพลตฟอร์มออนไลน์ อำนวยความสะดวกคนไทยกลับบ้าน เชื้อเชิญต่างชาติเข้าเที่ยวไทยกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการจองโรงแรมสถานกักกันโรคแห่งรัฐทางเลือก (ASQ) 5 ขั้นตอน

กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ประกาศความร่วมมือกับอโกด้า ร่วมกันแถลงข่าว "การดำเนินงานสถานที่กักกันโรคสถานกักกันโรคแห่งรัฐทางเลือก (Alternative State Quarantine) และเปิดตัวแพลตฟอร์มจองแพ็คเกจโรงแรมสถานกักกันโรคแห่งรัฐทางเลือก (ASQ)" ณ โรงแรมเมอเวนพิค บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน

นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตามที่มีการประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 (Coronavirus Disease 2019 หรือ COVID-19) เป็นโรคติดต่ออันตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กำหนดให้ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศทุกคน ต้องได้รับการตรวจคัดกรอง แยกกัก หรือ กักกันเพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคซึ่งมาจากท้องถิ่นอื่น หรือเมืองท่านอกราชอาณาจักร กรณีโรคโควิด-19 หน่วยงานรัฐจึงจำเป็นต้องจัดเตรียมและจัดหาสถานที่สำหรับเป็นที่กักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ให้อยู่ในการกำกับดูแล เพื่อการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามหลักเกณฑ์และแนวทางการควบคุมป้องกันโรค ความร่วมมือครั้งนี้ทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศแรกของโลกที่ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการจองสถานกักกันโรครัฐทางเลือก

การจองผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของอโกด้า ช่วยเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการค้นหาห้องพักที่ว่าง เปรียบเทียบแพ็คเกจ ASQ ในประเทศไทย เช่น จำนวนห้องพักที่ว่าง ราคาของห้องพักได้แบบเรียลไทม์ ประเภทห้องพัก และบริการอื่น ๆ ทั้งยังเป็นโรงแรมที่ได้รับการรับรองโดยกระทรวงสาธารณสุข บริการยังครอบคลุมความต้องการของผู้ใช้ แสดงผล 39 ภาษา บริการดูแลลูกค้า 21 ภาษา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษและภาษาจีนที่บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกชาวไทยที่ต้องการเดินทางกลับเข้าประเทศ และชาวต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศไทย ซึ่งต้องจองแพ็คเกจ ASQ เพื่อนำไปเป็นส่วนหนึ่งในการขออนุมัติจากสถานทูตไทยในประเทศ/เขตปกครองตนเองที่ตนอยู่ ก่อนเดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยหวังส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ และสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบกิจการ

สำหรับการเปิดตัวแพลตฟอร์ม เบื้องต้นมีสถานประกอบการเข้าร่วมแพ็คเกจ ASQ ให้เลือกประมาณ 37 แห่ง และจะขยายเพิ่ม ASQ และ ALQ (สถานที่ควบคุมโรคทางเลือกในระดับจังหวัด Alternative Local Quarantine) อีกกว่า 100 แห่ง ทั้งนี้ โรงแรมที่ต้องการเข้าร่วมเป็นสถานกักกันต้องการผ่านการตรวจมาตรฐานอย่างรัดกุมใน 6 หมวด จากกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงกลาโหม ได้แก่ โครงสร้างปลอดภัย บุคลากรมีความพร้อม อุปกรณ์ครบครัน จัดหาเวชภัณฑ์และอบรมการป้องกันส่วนบุคคลเป็นมิตรกับชุมชนและมีระบบจัดการสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยโรงพยาบาลมืออาชีพ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและคนไทยที่เดินทางกลับประเทศ

ด้านการจองโรงแรม ผ่านแพลตฟอร์มจองแพ็คเกจสถานกักกันโรคแห่งรัฐทางเลือก (Alternative State Quarantine หรือ ASQ) นายจอห์น บราวน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทอโกด้า ได้อธิบายว่า การจองโรงแรมนั้นทำได้คล้ายกับการจองโรงแรมผ่านอโกด้าตามปกติ เพียงแต่ต้องเข้าผ่านเว็บไซต์ www.agoda.com/quarantineTH

 

ขั้นตอนที่ 1: เลือกเมืองที่ต้องการจอง (ขณะนี้ครอบคลุมพื้นที่ กรุงเทพฯ ชลบุรี และภูเก็ต)

 

****************************************

ขั้นตอนที่ 2: เลือกช่วงวันที่ต้องการจอง 14 วัน (15 คืน) ยกเว้นจะมีการประกาศลดระยะเวลาการกักตัวลดลงจาก 14 วัน

 

******************************************

 

ขั้นตอนที่ 3: เปรียบเทียบตัวเลือกต่าง ๆ ได้ ทั้งเรื่องความปลอดภัยและความสะอาด

ขั้นตอนที่ 4: เลือกโรงแรมและรูปแบบของห้องพัก ดูจากข้อมูลต่าง ๆ เช่น ขนาดห้อง หรือเลือกห้องที่มีระเบียง

ขั้นตอนที่ 5: กรอกรายละเอียดและทำการชำระเงิน โดยในช่วงเริ่มต้นโครงการนี้ ผู้ที่เข้าพักในโรงแรมที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร ชลบุรี และภูเก็ต สามารถชำระเงินค่าห้องพักผ่านเว็บไซต์ได้เลย

นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เพิ่มเติมว่า ASQ เป็นกลไกสำคัญในการป้องกันควบคุมโรค และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมามีโรงแรมที่เข้าร่วมเป็น ASQ จำนวน 113 แห่ง สามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยมากกว่า 1,200 ล้านบาท การคาดการณ์หากแพลตฟอร์มจองแพ็คเกจโรงแรมสถานที่กักตัวทางเลือกได้รับการประชาสัมพันธ์ออกไปจะสามารถชักจูงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจากทั่วโลกให้เพิ่มขึ้นกว่า 30,000 ราย และสร้างรายได้ให้ประเทศเพิ่มอีกกว่า 1,000 ล้านบาท

แพลตฟอร์ม ASQ แบบดิจิทัล พร้อมแล้วที่จะเปิดให้จองโรงแรม โดยคาดว่า จะมีโรงแรมพันธมิตร และพันธมิตรด้านเทคโนโลยีเข้าร่วมโปรแกรมมากขึ้นในเร็ว ๆ นี้