ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ  ชวนพุทธศาสนิกชนชาวไทยร่วมบำเพ็ญบุญ สร้างกุศลบารมี บริจาคโลหิต เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ระหว่างวันที่ 4-7 กรกฎาคม 2563  ผู้บริจาคโลหิตจะได้รับ “หนังสือธรรมะ” เป็นธรรมทาน

รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย มีภารกิจหลักในการจัดหาโลหิตจาก ผู้บริจาคโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ให้มีปริมาณเพียงพอ มีคุณภาพ ปลอดภัยสูงสุดทั้งผู้ให้และผู้รับ เพื่อนำไปรักษาผู้ป่วยที่ยังต้องรักษาด้วยการรับโลหิตต่อเนื่องตลอดชีวิตกว่า 23% และในผู้ป่วยผ่าตัดประสบอุบัติเหตุ อีก 77% ซึ่งมักต้องการใช้โลหิตอย่างเร่งด่วนและเป็นจำนวนมาก รวมถึงในบางช่วงเวลาที่เกิดโรคระบาด ที่ต้องใช้โลหิตในการรักษา เช่น โรคไข้เลือดออก เป็นต้น ส่งผลให้ความต้องการโลหิตเพื่อใช้ในการรักษา มีอยู่อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในช่วงเดือนกรกฎาคม มีวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือ วันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ทั้งสองวันนี้ถือเป็นวันสำคัญอย่างยิ่งที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยพร้อมใจกันทำบุญ บำเพ็ญกุศลความดี สืบทอดประเพณีอันดีงามที่พึงปฏิบัติ เพื่อความสิริมงคลให้กับตนเองและครอบครัว

การทำบุญด้วยการบริจาคโลหิต นับได้ว่าเป็นการให้ทานที่ยิ่งใหญ่และเป็นบุญกุศลแก่ผู้ให้ เพราะ เป็นการสละโลหิตในร่างกายของตนเอง เพื่อช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ผู้เจ็บป่วย โดยที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ ดังนั้น ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จึงได้จัดโครงการ “บำเพ็ญบุญ สร้างกุศลบารมี บริจาคโลหิต เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา” ระหว่างวันที่ 4-7 กรกฎาคม 2563 เวลา 08.30-15.30 น. ผู้บริจาคโลหิตจะได้รับ “หนังสือธรรมะ” เป็นธรรมทาน

ในส่วนกลางกรุงเทพมหานคร บริจาคโลหิตได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ถนนอังรีดูนังต์ ศูนย์รับบริจาคโลหิตและพลาสมา สถานีกาชาด 11 วิเศษนิยม (บางแค) ในส่วนภูมิภาค บริจาคโลหิตได้ที่ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ และงานบริการโลหิต รวม 13 แห่ง ได้แก่ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ จังหวัดลพบุรี ชลบุรี ราชบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี นครสวรรค์ พิษณุโลก เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช (ทุ่งสง) สงขลา ภูเก็ต และงานบริการโลหิต สถานีกาชาดหัวหินเฉลิมพระเกียรติ จ.ประจวบคีรีขันธ์

สามารถบริจาคโลหิตได้ที่