ปลัดสธ.เผยคำสั่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้ตรวจผู้ป่วยแอดมิท เป็นฉบับวันที่ 5 มิ.ย. ของเก่าสืบเนื่องจากการประชุมวันที่ 25 พ.ค. ช่วงนั้นยังมีผู้ติดเชื้อ ล่าสุดเตรียมทบทวนปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ใหม่

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 9 มิ.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข   นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการออกคำสั่งให้มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในผู้ป่วยทุกรายที่รักษาในรพ. (Admit) ทุกราย เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา ว่า การออกคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งต่อเนื่องจากการประชุมเมื่อวันที่ 25 พ.ค. เพราะเมื่อประมาณเดือน เม.ย. มีการระบาดของโรคโควิด -19 มีการติดเชื้อในรพ. หลายกรณี เช่น ที่รพ.รามาธิบดี ที่ชุมพร เป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ ที่รพ.ในจังหวัดนราธิวาส ที่จังหวัดนราธิวาส ที่มีคนไข้ติดเชื้อจากเตียงข้างเคียง รวมถึงกรณีคุณลุงที่ไปตัดผม ก็มีการติดเชื้อในรพ.เช่นกัน นอกจากนี้ที่ผ่านมายังพบว่า มีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อเป็นร้อยราย จึงต้องมีการเพิ่มการตรวจมากขึ้น

 

นพ.สุขุม กล่าวต่อว่า ระยะแรกมี 2 ราย คิดเป็นอัตรา 0.12 % ทำให้เรากลัวว่าคนไข้ 1,000 คน จะมีคนติดเชื้อ 1 คน ถ้า 10,000 คน จะติด 100 คน ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด-19 จึงมีการพิจารณาว่าเพื่อให้มีความปลอดภัยในการเข้ารับบริการในรพ.ที่ปลอดภัยมากขึ้น ควรให้ตรวจผู้ป่วยแอดมิททุกราย อย่างไรก็ตามวันนี้มีข้อมูลจากกรมการแพทย์ และคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยต่างๆ พบว่าประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่พบการติดเชื้อในรพ.รายใหม่เลย จากการตรวจสุ่มกว่า 7,000 ราย

 

ดังนั้นจึงจะมีการประชุมในบ่ายวันนี้ (9 มิ.ย.) เพื่อทบทวนมาตรการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในรพ. คิดว่าอาจจะมีการผ่อนปรนเพราะว่าตอนนี้ผู้ป่วยเราน้อยลง เพราะถ้าดูมติจริงๆ คือมติเมื่อวันที่ 25 พ.ค. แนวทางอาจจะดูให้เหมาะสมปรับอาจจะให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเป็นไปตามสถานการณ์ โดย เราจะมีอยู่ 4 กลุ่ม 1.กลุ่มที่มีความเสี่ยงว่าเป็นโรค 2. คนต้องทำหัตการแล้วแพทย์สงสัย 3.ผู้ป่วยหนักที่ต้องเข้าไอซียู และ 4. การสุ่มตรวจเป็นระยะๆ เพราะวันนี้การระบาดน้อยลง แต่คงต้องสุ่มตรวจเป็นระยะ

ช่วงบ่ายวันเดียวกัน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานว่าในการประชุมที่มีนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานเพื่อพิจารณาทบทวนเรื่องการตรวจเชื้อโควิด-19 เดิมสั่งการให้ตรวจผู้ป่วยแอดมิททุกราย นั้น ล่าสุดท่านปลัดสธ. ได้สั่งให้กลับมาใช้แนวทางเดิมที่กรมการแพทย์ร่วมกับโรงเรียนแพทย์จัดทำคือการคัดกรอง สอบถามผู้ป่วยที่มายังรพ. หากพบความเสี่ยงจึงจะทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ต่อไป ส่วนกรณีผู้ป่วยฉุกเฉินหากมีญาติมาก็คัดกรองจากญาติ ถ้าไม่มีสติ ก็ให้นำเข้าสู่ห้องแยกโรคเลย ก่อนตรวจ