เมื่อวันที่ 27 เม.ย. ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า (ศบค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงภายหลังการประชุม ศบค. ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม เกี่ยวกับการพิจารณาผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์คุมโควิด-19 ของประเทศไทย ว่า จากการประชุมนั้น ทางเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้นำเสนอการประเมินผลสัมฤทธิ์ การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 ซึ่งมีการใช้มา 1 เดือน โดยพบว่า ทำให้การดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกฯ และผอ.ศบค. เป็นไปอย่างรวดเร็ว และทำให้ผู้ป่วยลดจำนวนลง ขณะที่การสำรวจความคิดเห็นประชาชน 40,000 คนพบว่า ร้อยละ 70 เห็นด้วยกับประกาศดังกล่าว
“ดังนั้น จึงเห็นควรพิจารณาขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีก 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1-31 พฤษภาคม พ.ศ.2563 ซึ่งรายละเอียดที่ต้องคงไว้ 4 มาตรการ คือ 1. ควบคุมการเดินทางเข้าออกราชอาณาจักร ประตู ด่านต่างๆ ทางบก ทางน้ำ ทางอากาศต้องดำเนินการต่อ 2. ห้ามบุคคลออกนอกเคหสถาน หรือเคอร์ฟิว ตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น. 3. งดและชะลอการเดินทางข้ามเขตจังหวัด
และ4. งดการดำเนินกิจกรรมคนหมู่มาก ทั้งการประชุม อบรมสัมมนา ชุมนุมใหญ่ทุกพื้นที่ที่มีคนจำนวนมากต้องงดไปก่อน” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
โฆษก ศบค. กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สำหรับแนวทางการผ่อนปรนมาตรการบังคับใช้กฎหมาย ให้ยึดแนวคิดหลักสำคัญคือ ต้องคำนึงถึงปัจจัยทางด้านสาธารณสุขเป็นหลัก และร้อยละ 50 ของการทำงานที่บ้านยังคงอยู่ กล่าวคือ work from home ต้องมีอยู่ ที่สำคัญยังต้องเว้นระยะห่างทางบุคคล ทุกคนยังต้องสวมหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า ล้างมือบ่อยๆ มีการตรวจวัดอุณหภูมิ เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ต้องทำควบคู่กันต่อไปคือ เร่งรัดตรวจหาเชื้อในประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ทั้งหมดต้องมีการประเมินผลอย่างน้อย 15 วัน หากไม่ดีต้องระงับมาตรการผ่อนคลายทันที
นอกจากนี้ เลขาสภาเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะที่ปรึกษาธุรกิจเอกชนใน ศบค. ยังได้เสนอแนวทางการผ่อนปรนฯ ในส่วนพื้นที่ที่จะมีการผ่อนปรนในธุรกิจต่างๆ โดยแบ่งออกเป็นสีขาว สีเขียว สีเหลือง และสีแดง โดยสีขาว มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน อาจเป็นสถานประกอบการขนาดเล็ก อยู่ในสถานที่โล่งแจ้ง ควบคุมได้ สวนสาธารณะ ส่วนสีเขียว เป็นสถานประกอบการขนาดเล็กอาจติดแอร์หรือไม่ติดแอร์ แต่พื้นที่ไม่มาก ซึ่งอาจรวมสนามออกกำลังกายกลางแจ้ง สีเหลือง เป็นพื้นที่ปิดมีคนมาจำนวนมากมีติดแอร์ ส่วนสีแดง เป็นที่เสี่ยงสูง มีคนจำนวนมาก เช่น สถานบันเทิง สนามมวย ฯลฯ
“ทั้งหมดยังไม่ได้ข้อสรุป เป็นเพียงหลักการแต่ต้องลงในรายละเอียด โดยกิจการต่างๆ จะแบ่งเป็นระดับความเสี่ยง และเวลา แต่ท่านนายกฯ มองว่าหากจะเปิดอยากให้เปิดทั้งหมด เพราะไม่เช่นนั้น ปิดจังหวัดนี้อาจมีการขับรถไปจังหวัดใกล้เคียงได้ ดังนั้น จึงต้องไปพิจารณา และให้นำเสนอในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 28 เม.ย.2563” โฆษก ศบค. กล่าว และว่า ดังนั้น ยังไม่ได้เจาะจงในสถานประกอบการ หรือกิจการอะไรว่า จะเปิดได้หรือไม่อย่างไร ขอให้รอการประชุมครม.ก่อน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม โรคโควิด-19 เพิ่งเกิดขึ้นประมาณ 3-4 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโรคที่แพร่กระจายทางน้ำมูก น้ำลาย และคนส่วนใหญ่ติดเชื้อมาจากวัยทำงานและไม่มีอาการ ซึ่งเราไม่รู้ว่าใครติดเชื้อ ดังนั้น หากกลับไปใช้ชีวิตปกติก็มีโอกาสติดจากคนกลุ่มนี้ แม้ปัจจุบันตัวเลขผู้ป่วยจะลดลงเหลือหลักเดียว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโรคนี้จะหมดไป แม้ตัวเลขจะกลายเป็นศูนย์ก็ไม่ได้หมายความว่า ต่างประเทศเป็นศูนย์ ดังนั้น ต้องพิจารณาหลายด้าน ดังนั้น การใช้วิถีเดิมยังไม่ได้ เพราะจะมีโอกาสกลับมาระบาดได้อีกครั้ง ทำให้ช่วงเวลาที่ผ่านมากลายเป็นศูนย์ทันที
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สิ่งที่จะกลับไปสู่ภาวะปกติได้ คือ ต้องมียารักษาให้หายจากโรคโควิด-19 ได้ จะใช้แค่ยาต้านไม่ได้ 2.ต้องมีวัคซีน เพราะจะตอบได้ว่าการแพร่ระบาดของโรคจะจบลงได้ แต่กว่าจะได้ข้อมูลล่าสุดอาจเป็นต้นปีหน้า ดังนั้น ระหว่างนี้เราต้องควบคุมตัวเอง ปรับชุดพฤติกรรมเพื่อไม่ให้เชื้อโรคมาสู่ที่ตัวเรา หรือเอาเชื้อโรคไปสู่คนอื่น
- 7 views