ผู้เชี่ยวชาญเผย ยังไม่ทราบความรุนแรง “โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019” เหตุโรคใหม่ แต่ตระกูลเดียวกับ ซาร์สและเมอร์ส ทำให้อาการของโรคคล้ายกัน คือ ระบบทางเดินหายใจ เผยโรคซาร์สมีความรุนแรงจนทำให้เสียชีวิตอยู่ที่ 10% ส่วนโรคเมอร์สรุนแรงกว่า อยู่ที่ 30%
เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2563 รศ.(พิเศษ)นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ กล่าวถึงความรุนแรงของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ 2019 ว่า โรคไวรัสโคโรนา อยู่ในตระกูลเดียวกันกับโรคซาร์ส ( Sars) และ เมอร์ส (MERS) เรียกว่ามีต้นตอกลุ่มเดียวกัน ทำให้อาการของโรคคล้ายกัน คือ ระบบทางเดินหายใจ ส่วนความรุนแรงนั้น ต้องดูข้อมูลย้อนหลัง ซึ่งขณะนี้มีเฉพาะโรคซาร์ส และโรคเมอร์ส อย่างโรคซาร์ส เกิดขึ้นประมาณ 17 ปีก่อนพบว่ามีความรุนแรงจนทำให้เกิดอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 10% ส่วนโรคเมอร์ส มีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 30 % ขณะที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ 2019 เป็นชนิดใหม่ที่พบในจีน ยังไม่มีข้อมูลมากนัก แต่จากข้อมูลทางการจีนเบื้องต้นที่มีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต พบอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 2 % แต่ก็ยังเป็นข้อมูลที่ยืนยันทางการไม่ได้
“ทุกวันนี้ข้อมูลทุกอย่างต้องมาจากทางการจีนที่ส่งให้ทางองค์การอนามัยโลก แต่จากข้อมูลการระบาดของโรคในอดีต อย่างโรคซาร์ส กว่าจะทราบก็หลายเดือนจนมีผู้ป่วยผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น แต่กรณีไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ 2019 ขณะนี้หลายประเทศเตรียมพร้อมกันอยู่ รวมทั้งประเทศไทย” รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการแพร่กระจายเชื้อจะคล้ายกับโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ด้วยหรือไม่ รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี กล่าวว่า อาการก็จะคล้ายกัน เพราะเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ ประเด็นคือ หากเราดูแลตัวเอง เริ่มป่วยไอ จาม ให้สวมหน้ากากอนามัยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ พร้อมทั้งไปพบแพทย์ก็จะเป็นการป้องกันตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งการทำเช่นนี้จะป้องกันโรคทางเดินระบบหายใจได้หลายโรค
“ที่กังวลคือ เด็กนักเรียน ยิ่งช่วงนี้ใกล้สอบ พ่อแม่ผู้ปกครอง หรือครูอาจารย์บางคนไม่ค่อยอยากให้เด็กขาดเรียน กลัวเรียนไม่ทันเพื่อน สอบไม่ทันเพื่อน ซึ่งตรงนี้เสี่ยง เพราะเด็ก ๆ อาจแพร่กระจายเชื้อต่อกัน และนำเชื้อไปแพร่ต่อยังครอบครัว พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดหากเริ่มป่วย ไอ จาม ก็ควรหยุดเรียนพบแพทย์เพื่อรักษาก่อนจะดีที่สุด ไม่ใช่ว่าป้องกันโรคโคโรนาไวรัส แต่เป็นการป้องกันโรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งโรคระบบทางเดินหายใจทั้งหมด” รศ.(พิเศษ)นพ.ทวี กล่าว
- 126 views