วันที่ 21 ม.ค. ที่ผ่านมา แอคเคาท์ “ฉางอันเจียน” (Chang'an Jian หรือ长安剑) ใน WeChat ซึ่งรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้เผยแพร่เรื่องการเมือง กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม ได้ออกประกาศเตือนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคในระดับมณฑล ให้ระมัดระวังการ “ปิดข่าว” การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ ไวรัสอู่ฮั่น โดยให้ยึดบทเรียนอันแสนเจ็บปวดเมื่อครั้ง “โรคซาร์ส” ระบาดเมื่อปี 2545 – 2546 ซึ่งมีการปิดข่าวการแพร่ระบาดในหลายเมือง และทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 700 คนทั่วโลก
ทั้งนี้ ในสมัยที่โรคซาร์สระบาด รัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนยุคนั้น ภายใต้ประธานาธิบดีหูจิ่นเทา (ซึ่งสื่อนานาชาติระบุว่าไม่ถูกกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิง) มีการ “ปิดข่าว” ครั้งมโหฬาร ซึ่งทำให้รัฐบาลจีนสูญเสียความน่าเชื่อถือจากทั่วโลก และสูญเสียความเชื่อมั่นจากคนจีนด้วยกันเอง เพียงเพราะต้องการบอกโลกว่าจีน “เอาอยู่” สามารถควบคุมโรคซาร์สได้
16 ปีที่แล้ว รัฐบาลจีนพยายามปิดข่าวการระบาดของโรคซาร์ส นานหลายเดือน กระทั่ง เจียง หยันยง ศัลยแพทย์ทหาร และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่ออกมาเป็น “ผู้เปิดโปง” ว่ามีการระบาดของโรคซาร์สในปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน กับสื่อตะวันตกอย่าง Wall Street Journal และนิตยสารไทม์เป็นครั้งแรกผ่าน “อีเมล์” จนนำไปสู่การ “สังคายนา” ระบบป้องกัน-ควบคุมโรคซาร์สครั้งใหญ่ของจีน รวมถึงทำให้ นายกเทศมนตรีของปักกิ่ง และ รมว.สาธารณสุข ต้องประกาศลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบ
“ใครก็แล้วแต่ที่เอาความเป็นนักการเมือง มาอยู่เหนือผลประโยชน์ของประชาชน จะต้องอับอายกับบาปที่ตัวเองได้กระทำ ทั้งต่อพรรคและต่อชาวจีนไปชั่วชีวิต”
“ใครก็แล้วแต่ที่ตั้งใจดีเลย์ข้อมูล หรือปกปิดข้อมูลการระบาดของโรค โดยเอาผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง จะถูกตรึงไว้บนเสาแห่งความอับอาบไปชั่วกัลปาวสาน” โซเชียลมีเดียรัฐบาลระบุ
นอกจากนี้ ใน WeChat รัฐบาล ยังได้อ้างอิงคำแนะนำของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ว่าให้ควบคุม-กักกันการระบาดของไวรัสอย่างเคร่งครัด โดยขอให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงทำทุกวิถีทางในการทำให้ประชาชนในพื้นที่ปลอดภัย และมีสุขภาพที่แข็งแรง พร้อมกับเน้นย้ำเรื่อง “ความโปร่งใส” ซึ่งจะเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดในการป้องกันข่าวลือ รวมถึงความตื่นตระหนก ที่อาจเกิดขึ้นได้ในหมู่ชาวจีน
“การเปิดเผยข้อมูลให้สาธารณชน จะสามารถลดความกลัวของสาธารณะได้ สิ่งที่เราต้องตระหนักเสมอก็คือ ผู้คน ไม่ได้อยู่ในพื้นที่สุญญากาศ และแหล่งเพาะพันธุ์สำหรับ ‘ข่าวลือ’ จะเติบโตได้เสมอ หากเราเก็บข่าวลือพวกนี้ไว้ในที่มืด และตัดสิทธิ์สาธารณชนในการรู้ความจริง” แถลงการณ์ผ่านโซเชียลมีเดียรัฐบาลระบุ
โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่เพิ่งจะถูกค้นพบเมื่อต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา หลังจากมีการป่วยโรคปอดบวมลึกลับอย่างแพร่หลายในอู่ฮั่น เมื่อกลางเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว โดย ณ ขณะนี้ มีผู้เสียชีวิตจากอู่ฮั่นไวรัสรวม 17 คน และมีผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันแล้วมากกว่า 500 ราย โดยในจำนวนนี้มีบุคลากรทางการแพทย์มากกว่า 15 ราย ติดเชื้อไปแล้ว
ในจีน มีรายงานผู้ป่วยหลายเมืองไม่ว่าจะเป็นในอู่ฮั่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ หรือในมณฑลกวางตุ้ง ส่วนการแพร่ระบาดไปยังต่างประเทศนั้น พบผู้ป่วยทั้งในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไทย และล่าสุดที่เมืองบริสเบน ออสเตรเลีย
และแม้จะยังไม่รู้ที่มาที่ไปว่าโรคนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร มีเพียงแต่ข้อมูลคร่าว ๆ ว่ามาจากตลาดค้า “สัตว์ป่า” ในอู่ฮั่น แต่ผู้เชี่ยวชาญโรคซาร์สในจีนยืนยันแล้วว่าโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ สามารถติดต่อระหว่างมนุษย์และมนุษย์ โดยอยู่ในระหว่างการหาต้นกำเนิดว่าสัตว์ป่า ที่เป็นที่มาของโรคคือสัตว์ประเภทไหน
ความตึงเครียดจากโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่เริ่มส่งผลต่อตลาด “เงินหยวน” ของจีนแล้ว โดยส่งผลให้ค่าเงินหยวนของจีนอ่อนค่าลงกว่า 0.5% ซึ่งนับว่าลงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค. ปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน หุ้นที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยว และสายการบิน ก็ตกทั่วภูมิภาค
แต่สำนักข่าว CNBC รายงานว่าเรื่องที่ “ย้อนแย้ง” ก็คือราคาหุ้นบริษัทยา และบริษัทผู้ผลิตหน้ากากอนามัยในจีน กลับพุ่งสูงขึ้น หลังความต้องการสต็อกยา และหน้ากาก พุ่งสูงขึ้นทั่วประเทศโดยหุ้นของบริษัทยายักษ์ใหญ่ในมณฑลเจียงซู มณฑลชานตง และในเซินเจิ้น พุ่งสูงขึ้นกว่า 10% ส่วนราคาหุ้นของบริษัทผลิตหน้ากากในเมืองเทียนจีน และในเซี่ยงไฮ้ก็สูงขึ้นราว 10% เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อนานาชาติว่าจีน อาจ “ปิดข่าว” การแพร่ระบาด และตัวเลขผู้ติดเชื้ออาจพุ่งสูงถึง 1,000 คนแล้ว ทำให้รัฐบาลจีน ต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่น ว่าจะไม่มีการปิดข่าว และสะท้อนให้เห็นว่ารอบนี้ สามารถจัดการโรคนี้ได้อยู่หมัดจริง ๆ
คำถามก็คือ ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลตรุษจีน ระหว่างวันที่ 24 – 30 ม.ค. ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะมีการ “เคลื่อนย้าย” ของชาวจีนจำนวนมหาศาล จีนจะสามารถควบคุมโรคโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ให้อยู่ในพื้นที่เดิมได้หรือไม่ และจะทำอย่างไร ไม่ให้แพร่กระจายไปยังเมืองอื่น ๆ ของจีน และไปยังพื้นที่อื่นทั่วโลกได้หรือไม่?
งานนี้จะเป็นบททดสอบหน่วยงานควบคุมโรคของจีนว่ามีประสิทธิภาพมากเพียงใด..
แปลและเรียบเรียงโดย สุภชาติ เล็บนาค
อ้างอิงจาก
2.Shares of Chinese drugmakers and face mask firms jump as pneumonia concerns mount [www.cnbc.com]
- 46 views