อาจารย์แพทย์ มช.เผยไทยเผชิญปัญหาฝุ่นพิษตลอดทั้งปี และจะพบทุกปีหากรัฐบาลไม่มีมาตรการแก้ไขในภาพรวม คำแนะนำแค่สวมหน้ากากอนามัยไม่เพียงพอ ย้ำทุกวันนี้อันตรายมาก คนไทยตายจากมลพิษทางอากาศมากกว่าอุบัติเหตุถึง 4 เท่า ทำประชาชนอายุขัยเฉลี่ยสั้นลง จี้นายกฯ จัดการจริงจัง ออกมาตรการทั้งระบบ เจรจาเพื่อนบ้านหาทางออก
ศ.นพ.ชายชาญ โพธิรัตน์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวถึงการศึกษาวิจัยปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่า ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ตลอดแทบทั้งปี และจะพบแบบนี้ทุกปี หากรัฐบาลยังไม่มีมาตรการในการแก้ปัญหาภาพรวม โดยพบว่า ตั้งแต่ช่วงเดือนพ.ย.จนถึงเดือน ก.พ. จะเป็นช่วงที่มีฝุ่นละอองมากในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งภาคกลาง ภาคอีสาน จากนั้นช่วงเดือน มี.ค.จนถึง เม.ย.ก็จะเป็นพื้นที่ภาคเหนือตอนบน สาเหตุหลักคือ มาจากการเผาทางการเกษตร ทั้งอ้อย ฟางข้าว มันสำปะหลัง โดยเฉพาะโรงงานหลายแห่งก็มีการเผาทางการเกษตร ยังไม่รวมประเทศเพื่อนบ้านที่มีการเผาทางการเกษตรมาตลอด
“อย่างกรุงเทพฯ ก็เจอปัญหาหนัก แต่ที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐบอกว่า ปัญหาฝุ่นในกรุงเทพฯมาจากรถปล่อยไอเสีย มาจากการจราจรหนาแน่น ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะผลการศึกษาพบว่า ฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพฯไม่ได้มีส่วนสัมพันธ์กับดัชนีความหนาแน่นทางจราจรมากนัก แต่ไปสัมพันธ์กับปัญหาการเผาทางการเกษตรมากกว่า อย่างในรอบ 240 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ จะพบว่า มีการเผาทางการเกษตรมาจากภาคเหนือและอีสาน ดังนั้น กรุงเทพฯจึงไม่มีทางรอดพ้นฝุ่นละอองเหล่านี้ได้” ศ.นพ.ชายชาญ กล่าว
ศ.นพ.ชายชาญ กล่าวอีกว่า รัฐบาลต้องจริงใจและแก้ปัญหาทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นการเข้มงวดการใช้กฎหมายห้ามเผาในที่โล่งอย่างจริงจัง การออกมาตรการห้ามเผาทางการเกษตรในอุตสาหกรรมขนาดเล็ก อย่างโรงสีข้าว โรงงาน ฯลฯ มีมาตรการกำจัดอย่างเหมาะสม และต้องมีการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านถึงทางออกของปัญหาร่วมกัน ไม่เช่นนั้นก็แก้ปัญหาไม่ได้ เพราะเรื่องนี้สะสมมากว่า 10 ปี ตั้งแต่ปี 2548 -2549 แต่หากรัฐบาลยังไม่มีมาตรการจริงจัง คนไทยก็ต้องเผชิญกับภาวะฝุ่นละออง PM 2.5 ไม่จบสิ้น และในปี 2563 ก็ต้องเจอปัญหาเหล่านี้ ซึ่งรัฐบาลก็จะออกคำแนะนำว่า ให้สวมหน้ากากอนามัยเหมือนทุกปี ซึ่งจริง ๆ การสวมหน้ากากอนามัย ก็ต้องเป็น N95 ไม่เช่นนั้นก็ป้องกันไม่ได้อีก
เมื่อถามว่าอันตรายจากฝุ่นละออง PM2.5 จะลุกลามมากขึ้นแค่ไหน ศ.นพ.ชายชาญ กล่าวว่า ทุกวันนี้ก็อันตรายมาก เพราะหากวิเคราะห์จริง ๆ มีคนเสียชีวิตจากปัจจัยของมลพิษทางอากาศ หรือ PM 2.5 ถึงปีละ 40,000 คน โดยส่วนใหญ่เสียชีวิตจากโรคหัวใจขาดเลือด โรคเส้นเลือดสมองตีบ โรคมะเร็งปอด โรคปอดอักเสบ ซึ่งพบว่าร้อยละ 30-60 มีสาเหตุกระตุ้นมาจากมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะ PM 2.5 ตัวเลขนี้อันตรายกว่าการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุถึง 4 เท่า และที่น่ากลัวคือ ฝุ่น PM2.5 ที่เพิ่มขึ้นทุก 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร(มคก./ลบ.ม.) ต่อปี ทำให้ประชาชนที่เกิดและอาศัยในพื้นที่นั้นตลอดชีวิตอายุขัยเฉลี่ยสั้นลง 0.98 ปี
“นายกรัฐมนตรี ต้องลงมาดูแลเรื่องนี้จริงจัง ออกมาตรการทั้งระบบ ที่สำคัญต้องเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อหาทางออกร่วมกัน ไม่เช่นนั้นคนไทยก็ต้องเผชิญกับปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ทุกปี และต้องมาหาแนวทางป้องกันตัวกันเอง ทั้ง ๆ ที่เราควรแก้ที่ต้นเหตุ ที่ผ่านมาเคยขอพบนายกฯ ในการนำเสนองานวิจัยและผลกระทบ รวมทั้งแนวทางแก้ปัญหา แต่ทีมนายฯ บอกว่าให้คุยไม่เกิน 5 นาที เรื่องใหญ่ส่งผลต่อสุขภาพคนทั้งประเทศเวลาเท่านั้นจะเพียงพอได้อย่างไร” ศ.นพ.ชายชาญ กล่าว
ขอบคุณภาพจาก GreenPeace Thailand
- 66 views