สถาบันโรคทรวงอก เตือนผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ไตวายเรื้อรัง ตาบอด และโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน อันตรายถึงชีวิตได้ หากไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการหันมาใส่ใจดูแลตนเอง ชี้หากพบอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์ทันที
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า เบาหวานเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของการหลั่งฮอร์โมน์อินซูลิน หรือการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนอินซูลิน หรือร่วมกันทั้ง 2 อย่าง ส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถเปลี่ยนน้ำตาลที่ได้รับมาจากอาหารเป็นพลังงาน จนทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่า 126 มก./ดล. อีกทั้งหากป่วยเป็นโรคเบาหวานในระยะเวลานานๆ จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงกว่าปกติ เพราะโรคเบาหวานจะทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง หลอดเลือดแดงตีบหรืออุดตัน ในส่วนต่างๆของร่างกาย โดยเฉพาะที่พบบ่อย คือ หัวใจ สมอง ไต ตา เท้า ส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ไตวายเรื้อรัง ตาบอด และโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันอันตรายถึงชีวิตได้
ทั้งนี้ความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวานเกิดได้จากหลายปัจจัยได้แก่ 1.กรรมพันธุ์ 2.ภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วนลงพุง 3.มีพฤติกรรมการบริโภคไม่เหมาะสม 4.ขาดการออกกำลังกาย 5.อายุมากขึ้น 6.สตรีที่มีประวัติเบาหวานขณะตั้งครรภ์ 7.พบผิวหนังสีคล้ำดำเหมือนกำมะหยี่บริเวณลำคอหรือรักแร้ ดังนั้น ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการหันมาใส่ใจดูแลตนเอง หากพบอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน
พญ.วิพรรณ สังคหะพงศ์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคเบาหวาน คือ เหนื่อยง่าย แน่นหน้าอก ตามัว มือเท้า ชา บวม ปัสสาวะบ่อย นอกจากนี้ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ไขมันสูง สูบบุหรี่ ควรตรวจเช็คโรคเบาหวานเช่นกัน เนื่องจากเป็นปัจจัยเสี่ยงร่วมกันที่ก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ดังนั้น ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการหันมาใส่ใจดูแลตนเอง โดยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงของหวาน ชา กาแฟ น้ำอัดลม ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด รวมทั้งระวังไม่ให้เกิดภาวะติดเชื้อ รับประทานยาหรือฉีดยาตามคำแนะนำของแพทย์ และหมั่นตรวจสุขภาพ ตา ไต หัวใจ เท้า และสมองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานที่จะเกิดในอนาคตต่อไป
- 3574 views