บุคลากรด้านสาธารณสุขทั่วประเทศ สร้างประวัติศาสตร์ปั่นจักรยาน 4 ภาคเลิกบุหรี่ พร้อมชวนคนไทยตระหนักลดละเลิกบุหรี่ ตามโครงการ 3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทยฯ ประกาศเป็นตัวอย่างที่ดีด้านสุขภาพทั้งตนเอง ครอบครัวและสังคม ตั้งเป้าภายใน 3 ปี เลิกบุหรี่ได้ครบ 3 ล้านคน ชี้ 2 ปีที่ช่วยคนเลิกบุหรี่ได้มากกว่า 1.2 แสนคน มากกว่าช่วงที่ไม่มีกิจกรรมรณรงค์ถึง 4 เท่า
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2561 เวลา 07.00น. ที่บริเวณลานหน้าเสาธง กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดกิจกรรม “6 x 4 รวมใจ ปั่น ปลุก ลุก สร้างกระแสรณรงค์โครงการ 3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทยเทิดไท้องค์ราชัน ปีที่ 3” ภายใต้แนวคิด “ปั่นปอดยิ้ม” และเชิญชวนคนไทยร่วมสร้างประวัติศาสตร์ปั่นเลิกบุหรี่ และประกาศเจตนารมณ์เป็นตัวอย่างที่ดีด้านสุขภาพ
โดยมี กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สมาคมหมออนามัย สมาคมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย มูลนิธิเครือข่ายหมออนามัย สมาคมวิชาชีพสาธารณสุข และชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน กว่า 500 คน ร่วมกิจกรรม ภายในงานนักปั่นร่วมแปรอักษรเป็นเลข 9 โดยปลัด สธ.ได้มอบเหรียญเชิดชูเกียรติและเกียรติบัตรแก่นักปั่น จากนั้นหัวหน้าทีมปั่น 8 สายส่งมอบรายชื่อผู้สมัครใจเลิกบุหรี่จากทั่วประเทศให้กระทรวงสาธารณสุข โดยตั้งเป้าภายใน 3 ปี คือวันที่ 30 พ.ค.62 จะมีจำนวนผู้เลิกบุหรี่ครบ 3 ล้านคน
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โครงการ 6x4 ปั่น ปลุก ลุก สร้าง เป็นโครงการที่ชาวสาธารณสุขได้รวมพลังเป็นตัวอย่างที่ดีด้านสุขภาพ และทำให้คนไทยทั่วประเทศ สมัครใจเลิกบุหรี่หันมาดูแลสุขภาพ ภายใต้โครงการ 3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ ทั่วไทย เทิดไท้ องค์ราชัน ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พบว่า คนไทยสมัครใจเลิกบุหรี่ได้มากถึง 1.1 ล้านคน และมีผู้เลิกบุหรี่ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป 1.3 แสนคน ซึ่งน่ายินดียิ่งที่คนไทยทั้งประเทศเห็นถึงพลังการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพ นำไปสู่สุขภาพที่ดีทั้งตนเอง ครอบครัวและสังคม อีกทั้งยังช่วยประเทศลดค่าใช้จ่ายการบริการภาครัฐได้
ที่ผ่านมาพบว่า ความสูญเสียจากการสูบบุหรี่ในไทย คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ ปีละ 75,000 ล้านบาท หากไทยลดนักสูบลงได้ จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายทางสุขภาพของประเทศลงได้ และเป็นไปตามเป้าหมายที่จะลดอัตราการสูบบุหรี่ลง ร้อยละ 30 หรือ ลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ไม่น้อยกว่า 1.8 ล้านคนในปี 2568 ตามมติองค์การอนามัยโลก ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศมีงบประมาณนำไปพัฒนาด้านอื่นๆ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไป
นพ.บัณฑิต ศรไพศาล รองผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ในหลวงรัชกาลที่ 9 อีกทั้งเป็นการแสดงพลังของสาธารณสุขอำเภอและหมออนามัยทั่วประเทศ ทำกิจกรรมมุ่งสู่การลดละเลิกปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพ รณรงค์ไม่สูบบุหรี่และส่งเสริมการออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยาน ที่จะช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญทั้งการดูแลสุขภาพของตนเอง ครอบครัว รวมทั้งสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับสังคม ลดการสูบบุหรี่ที่มีสารเคมีอันตรายมากถึง 600 ชนิด และเมื่อผ่านการเผาผลาญแล้ว ก่อให้เกิดสารพิษมากกว่า7,000 ชนิดและอีก 70 ชนิดเป็นสารก่อมะเร็ง
การนำกิจกรรมปั่นจักรยานเข้ามารณรงค์ขณะออกกำลังกายร่างกายจะหลั่งสารเอนโดรฟิน หรือสารสร้างความสุข ทำให้ผู้สูบบุหรี่มีความสุขและลดการอยากสูบบุหรี่ ซึ่งหากทำเป็นประจำจะทำให้เลิกสูบบุหรี่ตามที่ตั้งใจไว้ได้ สอดคล้องกับข้อมูลที่พบว่า การปั่นจักรยาน 100 ชั่วโมง ช่วยลดอัตราการตายลงร้อยละ10 และการปั่นจักรยาน 1 ชั่วโมง ช่วยให้ชีวิตยืนยาวขึ้นอีก 1 ชั่วโมง การปั่นจักรยานจึงเป็นกุศโลบายที่ดีที่ในการเลิกบุหรี่ ตรงตามที่คู่รักนักปั่นจักรยานรอบโลกคู่แรกของไทยยืนยันไว้ว่า สำหรับคนที่สูบอยู่หากตั้งใจปั่น จะทำให้ลืมเรื่องการสูบเพราะมุ่งมั่นปั่นจักรยาน และเห็นชัดเจนเรื่องสุขภาพกับการทำลายสุขภาพที่ต้องเลือก ซึ่งจะทำให้เขาเลิกไปเองอย่างภาคภูมิใจ สสส.ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักในกิจกรรมครั้งนี้จึงหวังว่าการสร้างกระแสปั่นเลิกบุหรี่จะทำให้คนไทยรักสุขภาพ เลิกบุหรี่มากขึ้น
ด้าน นายมงคล เงินแจ้ง นายกสมาคมหมออนามัยแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เครือข่ายหมออนามัย โดยสาธารณสุขอำเภอทุกอำเภอทั่วประเทศ 878 อำเภอ เป็นแกนนำแสดงพลังผลักดันการขับเคลื่อนองค์กร และเครือข่าย โดยออกมาปั่นจักรยานจากทั่วทุกภาคทั้งประเทศ มีทีมปั่นทั้งหมด 8 สาย ผ่าน 63 จังหวัด ตามโครงการ 6 x 4 รวมใจ ปั่น ปลุก ลุก สร้างกระแสรณรงค์โครงการ 3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทยเทิดไท้องค์ราชัน ปีที่ 3 ซึ่งมีความหมายถึงการร่วมมือรวมพลังการทำงานของ 6 องค์กรหลัก ปั่นจักรยานเพื่อมาแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันทั้ง 4 ภาค ของประเทศ เพื่อเชิญชวนให้คนไทย สมัครใจเลิกบุหรี่ให้ได้ 3 ล้านคน ตามเป้าหมายโครงการ 3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทย เทิดไท้องค์ราชัน (พ.ศ. 2559-2562)
ทั้งนี้จากข้อมูลใน เว็บไซต์ของ QuitForKing พบว่า กว่า 2 ปี ของโครงการ 3 ล้าน 3 ปีฯ มีผู้สูบบุหรี่สามารถเลิกได้ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปถึง 4 เท่า จากช่วงเวลาปกติที่มีผู้เลิกบุหรี่เฉลี่ยเพียง 30,000 คนต่อปี และเป็นจำนวนที่สูงมาก เมื่อเทียบกับในช่วงเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ดังนั้นการรวมใจ ปั่น ปลุก ลุก สร้างกระแสครั้งนี้ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญทำให้คนไทยทั้งประเทศเห็นถึงพลังการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และร่วมสร้างประวัติศาสตร์พลังหมออนามัย ประกาศเจตนารมณ์เลิกสูบบุหรี่ และสนับสนุนการลดปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพ
- 9 views