เปิดงานวิจัยลานเบียร์เกลื่อนเมือง งัดสารพัดกลยุทธ์เพิ่มคนเมา ชงตำรวจจับคนเมาแล้วขับควรสาวให้ถึงร้านเหล้าลานเบียร์ที่ขายให้คนเมาด้วย ขณะที่ “หมอนิพนธ์” ชี้ลานเบียร์เข้าข่ายความผิดโดยสภาพ ไม่ต่างจากอีเว้นท์มาเก็ตติ้ง
เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2560 เวลา 10.00 น. ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ ในเวทีเสวนา “มองรอบด้าน...ลานเบียร์กับสังคมไทย” จัดโดย สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) ร่วมกับ เครือข่ายนักวิชาการเฝ้าระวังปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่
ดร.ศรีรัช ลาภใหญ่ ลอยสมุทร อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะเครือข่ายนักวิชาการเฝ้าระวังปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เปิดเผยถึงงานวิจัย “การศึกษาผลกระทบที่เกิดจากปรากฏการณ์ลานเบียร์และกลยุทธ์ประเภทดื่มไม่อั้นของธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” สนับสนุนโดย สสส.และศูนย์วิจัยปัญหาสุรา ซึ่งรวบรวมตั้งแต่ปี 2558-ปัจจุบัน พบว่า กลุ่มตัวอย่างนักเรียนมัธยมปลาย 1 ใน 3 หรือ 34% เคยไปลานเบียร์ และแม้ว่าอายุยังไม่ถึง 20 ปี ก็เข้าลานเบียร์ได้ ขณะเดียวกัน กลุ่มตัวอย่างสูงถึง 80.2% ต้องการไปลานเบียร์ใหญ่ๆ ส่วนแรงจูงใจที่ไป คือ ต้องการสังสรรค์ อยากสนุกสนานบันเทิง อยากตามกระแสสังคมปีใหม่ต้องเค้าดาวท์
ที่น่าห่วง คือ 23.4% พบเห็นลานเบียร์แถวโรงเรียน และยังพบเห็นได้ตามหน้าห้างชานเมือง 31.2% เทศกาลอาหาร 25% ตามcommunity mall ตามถนนคนเดิน และตลาดนัด ที่สำคัญคือ ลานเบียร์ทุกแห่งเข้าถึงง่าย สะดวก เจ้าหน้าที่ให้เข้าใช้บริการโดยไม่ต้องตรวจบัตรประชาชน หรือจะตรวจก็ทำพอเป็นพิธี สำหรับผลกระทบจากการไปลานเบียร์ 45.5% เมา 44.9% เสียเงินมากกว่าที่คิด 3.4% ทะเลาะวิวาท 1.7% อุบัติเหตุ 4.5% ถูกพ่อแม่ต่อว่า ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบการไปลานเบียร์ระหว่างนักเรียนมัธยมและนักศึกษามหาวิทยาลัย สิ่งที่เหมือนกัน คือ ดื่มมากกว่าปกติ และมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ทั้งยังเสี่ยงต่อการเมาแล้วขับ น่าตกใจว่าเด็กมัธยมก็เข้าถึงลานเบียร์กันแล้ว
“ลานเบียร์ คือ ช่องทางการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ง่ายดาย ประกอบกับความบันเทิง ทำให้เกิดการดื่มที่มากขึ้น และลานเบียร์หลายๆแห่ง ไม่ตรวจบัตรประชาชน ลานเบียร์หลายแห่งเปิดรวมกับลานอาหาร ตลาดนัด ถนนคนเดิน ฯลฯ เราจะเห็นครอบครัวนั่งดื่มเบียร์พร้อมกับรับประทานอาหารในลานเบียร์ประเภทที่เปิดรวมกับลานอาหารหรือเทศกาลอาหาร ซึ่งเท่ากับตอกย้ำเรื่องการดื่มให้กับเยาวชน ลานเบียร์บางแห่งก็ไปเปิดในลานหรือที่ว่างใกล้สถานศึกษา หรือในศาสนสถาน ซึ่งทั้งไม่เหมาะสมและเร่งการเข้าถึงของกลุ่มครอบครัวและเยาวชน อยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาเรื่องการออกใบอนุญาตลานเบียร์เหล่านี้ รวมไปถึงการเปิดใกล้สถานศึกษา ใกล้ศาสนสถาน หรือเปิดกลางชุมชน” ดร.ศรีรัช กล่าว
เภสัชกรสงกรานต์ ภาคโชคดี ผอ.สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่า ลานเบียร์เปรียบเหมือนการทำการตลาดสีเทา มอมเมาและหลบเลี่ยงกฎหมาย เป็นแหล่งเพาะคนเมาออกไปสู่ท้องถนน ปกติร้านเหล้าผับบาร์ผลิตคนเมาเยอะอยู่แล้ว แต่ปีใหม่นี้ยิ่งมีลานเบียร์เพิ่มเข้ามาอีกมากจะยิ่งซ้ำเติมปัญหาเมาแล้วขับขึ้นอีกเท่าตัว ซึ่งธุรกิจน้ำเมาพยายามทุ่มเทอีเว้นท์นี้ โหมทำการตลาดอย่างเต็มที่ เด็กและเยาวชนเข้าสู่วงจรเร็วขึ้น แม้มีการติดป้ายเตือน แต่เอาเข้าจริงก็ทำแบบรูปหน้าปะจมูก ทำเพียงพิธีกรรม ที่แย่ไปกว่านั้นเมื่อมีความผิดเกิดขึ้นธุรกิจน้ำเมาก็ทำเหมือนไม่มีตัวตน ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น และมักจะโยนความผิดให้ผู้บริโภค ขณะเดียวกันภาครัฐทำงานเตะกับเรื่องนี้น้อยมาก แก้ปัญหา ไม่ถูกจุด วนเวียนกันอยู่แบบนี้
“ถึงที่สุดแล้ว ลานเบียร์ก็ยังหมิ่นเหม่ว่าเข้าข่ายความผิดหรือไม่ เพราะกฎหมายเขียนไว้ชัดเจนห้ามส่งเสริมการขาย ห้ามสื่อสารการตลาด ยิ่งปีใหม่นี้คนดื่มกินมากขึ้น อุบัติเหตุเพิ่มเท่าตัว กฎกติกาหลายอย่างดูคลายลง ขณะเดียวกันธุรกิจมองเป็นโอกาส สร้างคนกินคนดื่มโดยไม่มีการรับผิดชอบ อยากฝากว่า ขายน้ำเมาให้อยู่ในร่องในรอยตามกฎกติกา อย่าผลักภาระโยนความผิดให้ผู้ดื่ม ที่สำคัญขอให้หยุดความพยายามขอแก้กฎหมายเพียงเพื่อให้ขายได้อย่างเสรีมากขึ้น ส่วนรัฐเองก็ไม่ควรผ่อนปรนแม้ปีใหม่จะเป็นโอกาสพิเศษ เพราจะได้ไม่คุ้มเสีย บรรดาเจ้าหน้าเองต้องไม่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วย อย่างไรก็ตามหากเชื่อมโยงกรณีเมาแล้วขับที่ตรวจพบปริมาณแอลกอฮอล์เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น เจ้าหน้าที่ก็ควรตามไปให้ถึงร้านเหล้าหรือลานเบียร์ที่ขายให้ด้วย เพราะเข้าข่ายขายให้คนเมาครองสติไม่ได้ โดยไม่ต้องตีความใดๆ เลย ซึ่งบทลงโทษจำคุกไม่เกิน1ปี ปรับไม่เกิน 20,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ หากทำเรื่องนี้ได้จริงเชื่อว่าปัญหาคนเมาแล้วขับมาจากร้านเหล้าลานเบียร์จะลดลง คนขายเหล้าเบียร์จะระมัดระวังและทำตามกฎหมายมากขึ้น”เภสัชกรสงกรานต์ กล่าว
ขณะที่ นายแพทย์นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าตามองค์ประกอบแล้วลานเบียร์ไม่ควรมีเสียด้วยซ้ำ เพราะไม่ต่างจากการส่งเสริมการขาย ทำการตลาด หรืออีเว้นท์มาร์เก็ตติ้ง อีกทั้งยังอาจยังเข้าข่ายความผิดโดยสภาพ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ซึ่งต้องตรวจสอบดูทั้ง การจัดตั้งจุดจำหน่าย สถานที่ ขายให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ขายให้คนเมาครองสติไม่ได้มีการจัดโชว์ตราสัญลักษณ์ และจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายหรือไม่ ซึ่งจากการลงพื้นที่ พบว่าละเมิดกฎหมายมาตรา 32 มากที่สุด ฐานความผิดโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 5 แสนบาท ปรับรายวัน5หมื่นบาทจนกว่าจะปฏิบัติถูกต้อง
“เอาเข้าจริงลานเบียร์ไม่ได้ตรวจเข้มงวดขนาดนั้น ทำให้กลายเป็นปัญหาอุบัติเหตุ เมาแล้วขับ เสียชีวิตบาดเจ็บพิการ และสำหรับมาตรการที่ทางสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บังคับใช้ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่นี้คือ อาศัยความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำนักงานโรคไม่ติดต่อ และภาคีเครือข่ายฯ ร่วมตรวจสอบเฝ้าระวังแจ้งเบาะแส เน้นย้ำ ห้ามขายนอกเวลา ห้ามขายให้เด็ก คนเมา กำหนดควบคุมสถานที่ขาย ที่สำคัญห้ามการจัดโปรโมชั่นกระตุ้นการขาย และอยากฝากไปยังภาคธุรกิจให้เคารพกฎหมายด้วย” นายแพทย์นิพนธ์ กล่าว
- 93 views