ครอบครัวเหยื่อเมาแล้วขับดับ 5 ศพ จี้ ผบ.ตร.ดันกฎหมายเพิ่มโทษเมาแล้วขับ ชงปีใหม่ตรวจเข้มร้านเหล้าผับบาร์-ลานเบียร์ สาวให้ถึงต้นตอร้านขายเหล้าให้คนเมาแล้วขับ โทษจำคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่น วอนเข้มกลไกป้องกันตำรวจ กู้ภัย อาสาสมัคร เจ็บตายระหว่างปฏิบัติหน้าที่เพราะคนเมาแล้วขับ
เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2560 เวลา 10.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) นางรัชฐิรัชฎ์ ซุ่นสั้น ภรรยาดาบตำรวจเหยื่อเมาแล้วขับชนเสียชีวิต 5 ศพ ที่จังหวัดตรัง, นายพิชัย ทองรุ่ง นักศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง อาสาสมัครกู้ภัยที่ต้องพิการจากคนเมาแล้วขับ พร้อมด้วยเครือข่ายองค์กรงดเหล้า เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ กทม. เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ กว่า 30 คน เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผ่านทาง พล.ต.ต.มนตรี ยิ้มแย้ม รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเรียกร้องให้เพิ่มโทษกฎหมายเมาแล้วขับให้สูงขึ้น ไม่ใช่แค่ประมาทแต่ต้องเป็นเจตนาเล็งเห็นผล
ทั้งนี้เครือข่ายฯ ได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ตรวจเข้มร้านเหล้า ผับบาร์ ลานเบียร์ ช่วงปีใหม่นี้ เพื่อบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ห้ามขายให้คนเมาครองสติไม่ได้ โดยสืบให้ถึงต้นตอร้านที่ขายให้รับผิดด้วย พร้อมทั้งขอให้พัฒนากลไกป้องกันและช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ อาสาสมัครกู้ภัย ที่บาดเจ็บ เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่จากคนเมาแล้วขับ
นางรัชฐิรัชฎ์ ซุ่นสั้น ภรรยาดาบตำรวจเหยื่อเมาแล้วขับ จังหวัดตรัง กล่าวว่า จากกรณีที่เป็นข่าวสร้างความสะเทือนใจต่อชาวจังหวัดตรังและคนทั้งประเทศ คือ ดาบตำรวจอนันต์ ซุ่นสั้น หรือ จ่าซิ้ม ผบ.หมู่งานสืบสวน สภ.คลองเต็ง อ.เมืองตรัง ซึ่งเป็นสามีของตนเอง ที่ต้องกลายเป็นเหยื่อจากอุบัติเหตุรถกระบะพุ่งเข้าชนกลุ่มหน่วยกู้ภัย และตำรวจ ทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตรวม 5 ศพ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 3 รายตอนนี้คดีสิ้นสุดแล้ว ผู้ก่อเหตุได้รับโทษจำคุกเพียง 4 ปี ปรับ 3,400 บาท แต่ครอบครัวต้องทนทุกข์ สูญเสียเสาหลัก รับภาระลูก 2 คนที่กำลังศึกษาเล่าเรียน ทุกวันนี้ยังขับรถผ่านเส้นทางที่สามีถูกรถชน ภาพมันติดตายากที่จะลืม และรอคอยติดตามความคืบหน้าในการช่วยเหลือเยียวยา ส่วนครอบครัวเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เสียชีวิตทั้ง 4 ครอบครัว ก็ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เริ่มเป็นหนี้ รายได้ไม่พอรายจ่าย ส่วนผู้ที่รอดชีวิตอยู่ระหว่างรักษาตัว และอีก 1 รายต้องพิการไม่สามารถขับถ่ายได้เป็นปกติ
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากคนเมาแล้วขับแค่คนเดียวแต่กลับสร้างความสูญเสียมหาศาลต่อครอบครัวและผู้ที่เกี่ยวข้อง จึงอยากเห็นคนเมาแล้วขับถูกลงโทษหนักกว่านี้ ไม่ใช่มองแค่ประมาท แต่ต้องเป็นเจตนาเล็งเห็นผล และอยากให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยทุกคนในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับใครอีกเพราะมันทุกข์สาหัสจริงๆ
นางสาวเครือมาศ ศรีจันทร์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต กล่าวว่า เครือข่ายฯ ได้ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือและเสริมพลังให้กับครอบครัวผู้สูญเสีย เห็นได้ชัดว่าคนเมาแล้วขับหนึ่งคนทำลายชีวิตคน ทำลายอนาคต ทำลายฝันของครอบครัวอย่างมิอาจประเมินค่าได้เลย ในวันนี้เครือข่ายต้องการมาแสดงจุดยืนและมีข้อเสนอต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำไปพิจารณา ดังนี้
1.ยกระดับกระบวนการยุติธรรมในปัญหาเมาแล้วขับ ให้เป็นเจตนาทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตซึ่งย่อมเล็งเห็นผล มิใช่แค่ประมาท อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะส่งผลต่อบทลงโทษที่หนักขึ้น มิเช่นนั้นจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากคนเมาแล้วขับ มูลค่าความเสียหายต่างๆ จะไม่มีทางลดลง เป้าหมายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนจะย่ำอยู่กับที่ จึงขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นทัพหน้าในการเสนอแก้ไขกฎหมายเพิ่มโทษเมาแล้วขับให้สูงขึ้น ให้เป็นเจตนาเล็งเห็นผลมิใช่แค่ประมาท
2.บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นกับร้านเหล้า ผับบาร์ ลานเบียร์ ในช่วงปีใหม่ โดยเฉพาะเมื่อเกิดกรณีเมาแล้วขับต้องสาวไปถึงร้านเหล้า ผับบาร์ ลานเบียร์ ที่ผู้ทำความผิดกินดื่มมาด้วย ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มาตรา 29 ซึ่งมีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยเครือข่ายเชื่อมั่นว่าหากมีร้านเหล้าถูกดำเนินคดี และต้องรับผิดร่วมแบบนี้ จะทำให้ยำเกรงและทำผิดกฎหมายลดลง ไม่กล้าขายให้คนเมา
3.เพิ่มความเข้มในกลไกป้องกัน และเยียวยากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมไปถึงอาสาสมัครกู้ภัย ที่ต้องบาดเจ็บและเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่จากคนที่เมาแล้วขับ และขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาสาสมัครกู้ภัยทั่วประเทศ ที่ต้องทำงานด้วยความเสี่ยงท่ามกลางคนเมาแล้วขับมากมายบนท้องถนนโดยเฉพาะเวลากลางคืน และขอเรียกร้องให้นักดื่มทั้งหลายช่วยกันหยุดพฤติกรรมเมาแล้วขับ อย่าทำเวรทำกรรมกับคนอื่นเพียงเพราะเมาแล้วขับเลย
- 17 views