รพ.สต.ในจังหวัดระนองเผยได้รับผลกระทบจาก พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวฉบับใหม่ ไม่สามารถจ้างพนักงานสาธารณสุขต่างด้าวได้ ทำให้ขาดล่ามช่วยสื่อสารกับคนไข้เมียนมาร์ ยอดผู้มารับบริการลดฮวบแถมทำงานเชิงรุกเยี่ยมชุมชนลำบากมากขึ้น

นายสันติ กาญจนนิยม สาธารณสุขอำเภอเมืองระนอง เปิดเผยว่า การประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว 2560 เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อหน่วยบริการในพื้นที่ อ.เมือง จ.ระนอง ที่ต้องให้บริการแรงงานต่างด้าวจากเมียนมาร์ เนื่องจากไม่สามารถจ้างพนักงานสาธารณสุขต่างด้าว (พสต.) ชาวพม่ามาช่วยเป็นล่ามแปลภาษาและช่วยประสานงานเมื่อออกเยี่ยมชุมชนได้ ทำให้การทำงานยากลำบากมากขึ้น

นายสันติ กล่าวว่า แต่เดิมสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เป็นผู้สนับสนุนงบประมาณในการจ้าง พสต. แต่เวลาปฏิบัติงานจริงจะอยู่ประจำที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซึ่งใน พ.ร.ก.ฉบับใหม่ มีข้อกำหนดห้ามมิให้นายจ้างให้คนต่างด้าวทำงานไม่ตรงตามที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต หรือทำงานผิดประเภท อีกทั้งกำหนดบทลงโทษไว้ค่อนข้างแรง ทำให้ สสจ.หยุดการสนับสนุนงบประมาณจ้าง พสต.ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการรายงานให้ส่วนกลางได้รับทราบปัญหาและขอข้อแนะนำเพื่อหาทางออกแล้ว

นางกนกวรรณ คุ้มเพชร ปฏิบัติราชการแทนผู้อำนวยการ รพ.สต.มิตรภาพ ต.บางริ้น อ.เมืองระนอง กล่าวว่า รพ.สต.แห่งนี้มีสัดส่วนแรงงานชาวเมียนมาร์มารับบริการจำนวนมาก เฉลี่ยคนไข้ OPD วันละ 20 คน วันที่มีการฉีดวัคซีนเด็กครั้งละประมาณ 95-100 คน และวันที่มีคลินิกฝากครรภ์จะมารับบริการครั้งละ 25-30 คน ซึ่งการให้บริการคนกลุ่มนี้จะให้ พสต. เป็นล่ามช่วยสอบถามอาการ ประวัติ และสื่อสารให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพในด้านต่างๆ โดยมีประจำ รพ.สต. 2 คน แต่หลังวันที่ 1 ต.ค. เป็นต้นมา สสจ.ก็ไม่ได้สนับสนุนงบประมาณมาอีก ทำให้ขณะนี้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถสื่อสารกับผู้ป่วยชาวเมียนมาร์ได้ รพ.สต.ต้องแจ้งให้ผู้ป่วยพาล่ามมาด้วยเมื่อมารับบริการ หรือหากมาคนเดียวก็ต้องปฏิเสธเพราะเกรงว่าจะสื่อสารไม่เข้าใจจนให้รักษาไม่ถูกต้องและจะแนะนำให้ไปโรงพยาบาล ทำให้ผู้ป่วยชาวเมียนมาร์ไม่กล้ามารับบริการและไปคนินิกเอกชนแทน

นางกนกวรรณ กล่าวอีกว่า ปัญหาที่ตามมาคือ รพ.สต.จะไม่เห็นข้อมูลว่าเกิดอะไรขึ้นในพื้นที่ ไม่ทราบว่าคนไข้ที่เคยมารับบริการไปอยู่ที่ไหน และที่จะเป็นปัญหาในเร็วๆนี้คือกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่มาฝากครรภ์ที่รพ.สต. ซึ่งขณะนี้ไม่กล้ามากันแล้ว จะมาอีกครั้งก็ตอนคลอดทีเดียวเลย ส่วนงานฉีดวัคซีนยังพอที่จะดำเนินการได้เพราะมีคนมารับบริการมาก ก็จะมีผู้ป่วยบางคนที่พอจะพูดภาษาไทยและช่วยสื่อสารได้

“ตอนนี้ยอดแรงงานเมียนมาร์ที่มารับบริการลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากเดิมวันละ 20 คนลดลงมาเหลือ 5-6คน”นางกนกวรรณ กล่าว

ด้านนายสมปอง ชัยณรงค์ ผู้อำนวยการ รพ.สต.ปากคลอง ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง กล่าวว่า ผู้รับบริการของรพ.สต.แห่งนี้มีสัดส่วนเป็นแรงงานชาวเมียนมาร์ถึง 90% ที่ผ่านมามี พสต.ช่วยเป็นล่ามและยังออกเยี่ยมบ้านร่วมกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งหลังจากวันที่ 1 ต.ค. ก็ไม่มี พสต.แล้ว ทำให้เกิดปัญหาในการให้บริการเพราะสอบถามประวัติและอาการป่วยอย่างละเอียดแต่เจ้าหน้าที่พูดเมียนมาร์ได้เพียงบางคำเท่านั้น

นายสมปอง กล่าวอีกว่านอกจากงานเชิงรับแล้ว ที่น่าหนักใจอีกอย่างคือการทำงานเชิงรุกหรือออกเยี่ยมชุมชน ที่ผ่านมา พสต.จะเป็นตัวเชื่อมกับชุมชนเมียนมาร์เมื่อออกเยี่ยมบ้าน อีกทั้งช่วยให้ความรู้ด้านสุขศึกษาและการป้องกันโรค ช่วยแบ่งเบาภาระของเจ้าหน้าที่ได้ดีมาก แต่เมื่อขาดคนคอยประสานก็ทำให้สื่อสารกันไม่เข้าใจ ส่งผลต่อการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคแน่นอน

นายจรัญ ผดุงสุนทร หัวหน้ากลุ่มงานประกันสุขภาพ สสจ.ระนอง กล่าวว่า เดิมที สสจ.ระนอง เป็นผู้สนับสนุนงบประมาณในการจ้างพสต.โดยให้ไปประจำในแต่ละหน่วยบริการ แต่เนื่องจากตามกฎหมายใหม่ ผู้จ้างและลูกจ้างต้องตรงกัน ทางสสจ.จึงไม่สามารถจ้างต่อไปได้ จึงตกเป็นภาระหน่วยบริการในการใช้เงินบำรุงมาจ้าง ซึ่งทางจัดหางานจังหวัดได้เพิ่มอาชีพผู้ประสานงานภาษามาให้ดำเนินการแล้ว แต่ยังติดขัดที่ต้องรับสมัครคนไทยก่อน หากไม่มีคนไทยมาสมัครภายใน 15 วันแล้วถึงจะรับสมัครคนต่างด้าวได้ และต่อให้เดินมาถึงขั้นตอนการรับสมัครคนต่างด้าวแล้ว ก็ยังติดขัดที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ไม่มีระเบียบรองรับ ซึ่งหน่วยบริการเกรงว่าจะผิดกฎหมายจึงรอความชัดเจนจาก สธ.ก่อน โดยขณะนี้ทาง สสจ.ได้ทำหนังสือสอบถามไปแล้วเพื่อขอคำแนะนำว่าจะจ้างอย่างไรให้ถูกต้องตามกฎหมาย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อธิบดีกรมจัดหางาน ยันแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติทำงานล่ามใน รพ.สต.ได้