เครือข่ายชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ยื่นหนังสือ “นพ.ปิยะสกล” ขอให้เร่งรัดเสนอ ครม.ขยายสิทธิการรักษาขั้นพื้นฐานแก่กลุ่มคนจีนโพ้นทะเล 3.8 หมื่นคนและเด็กนักเรียนรหัส G อีก 8.9 หมื่นคน ชี้ ครม.เคยมีมติให้ตรวจสอบข้อมูลตั้งแต่ปี 2558 แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้า
นายสุมิตร วอพะพอ ผู้จัดการโครงการสถานะบุคคลและสิทธิพลเมือง เครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนงานด้านชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่18 พ.ค. 2560 ที่ผ่านมา ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อขอให้เร่งรัดการนำเรื่องการให้สิทธิ (คืนสิทธิ) ขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขกับบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ กรณีคนจีนโพ้นทะเล และเด็กนักเรียนรหัส G เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
นายสุมิตร กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.วันที่ 20 เม.ย. 2558 เคยมีมติเห็นชอบการให้สิทธิ (คืนสิทธิ) ขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขกับบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิเพิ่มเติมจำนวน 2.08 แสนคน
อย่างไรก็ดี ยังมีกลุ่มที่ตกหล่นคือคนจีนโพ้นทะเล 3.8 หมื่นคน และเด็กนักเรียนรหัส G อีก 8.9 หมื่นคนที่ยังไม่เข้าถึงสิทธิ ซึ่งในครั้งนั้น ครม.มีมติให้ สธ. กระทรวงมหาดไทย และสภาความมั่นคงแห่งชาติ ตรวจสอบข้อมูลเพื่อยืนยันความถูกต้องและรับรองการขึ้นทะเบียนของกลุ่มบุคคลดังกล่าวก่อน แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในโอกาสต่อไป
นายสุมิตร กล่าวอีกว่า หลังจากวันที่มีมติ ครม.ดังกล่าวจนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลานานเกือบ 3 ปีแล้วก็ยังไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากหน่วยงานภายใน สธ.ที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ไม่ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐมนตรี สธ. แม้วันที่19 ธ.ค. 2559 ที่ผ่านมา สธ.เคยแถลงข่าวว่าจะเร่งพิจารณาบุคคลที่มีปัญหาสถานะบุคคลและสิทธิ ซึ่งหมายถึงกลุ่มบุคคล 2 กลุ่มนี้ และให้นำเสนอ ครม.ในโอกาสต่อไป แต่ปรากฏว่าผ่านไปอีก 5 เดือนมานี้ก็ยังไม่ได้เร่งดำเนินการแต่อย่างใด
ด้วยเหตุนี้ ภาคีเครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนงานด้านชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์จึงได้มายื่นหนังสือถึงรัฐมนตรี สธ. เพื่อเรียกร้องให้ 1.เร่งรัดหน่วยงานภายในของ สธ.ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ให้นำเรื่องเสนอเข้าที่ประชุม ครม.โดยเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มคนจีนโพ้นทะเลที่มีเลขประจำตัว 13 หลักในระบบทะเบียนราษฎร์ชัดเจนอยู่แล้ว และ 2.เร่งดำเนินการให้สิทธิการรักษาขั้นพื้นฐานแก่เด็กนักเรียนรหัส G
“เรื่องสุขภาพเป็นเรื่องใหญ่ ความเจ็บป่วยมันเกิดขึ้นทุกวันและเลือกไม่ได้ ถ้าดูแลสุขภาพให้กับกลุ่มนี้ก็จะเป็นการป้องกันโรคติดต่อโดยเฉพาะแนวชายแดน หากจัดการด้านสาธารณสุขไม่ดีก็อาจกระจายไปสู่คนพื้นราบได้ ขณะเดียวกันคนกลุ่มนี้ไม่ได้เป็นเป้าหมายของงบเหมาจ่ายรายหัวของระบบหลักประกันสุขภาพ แต่ในทางปฏิบัติ เมื่อคนกลุ่มนี้มารับการรักษา โรงพยาบาลก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ มันก็จะเป็นหนี้สูญ เป็นภาระของโรงพยาบาล ดังนั้นจึงอยากให้รัฐมนตรีเร่งสั่งการอย่างไรก็ได้เพื่อให้คนกลุ่มนี้เข้าถึงหลักประกันสุขภาพโดยเร็ว” นายสุมิตร กล่าว
นายสุมิตร กล่าวอีกว่า หลังจากยื่นหนังสือแล้ว ทางรัฐมนตรี สธ.ได้ให้คำตอบว่าจะเร่งพิจารณากลุ่มที่มีความพร้อม ซึ่งก็คือกลุ่มคนจีนโพ้นทะเล แต่ในส่วนของเด็กนักเรียนรหัส G นั้น ขอให้ไปยื่นหนังสือที่กรมการปกครองและสภาความมั่นคงแห่งชาติด้วย หาก 2 หน่วยงานนี้ทำงานชัดทาง สธ.ก็ไม่มีปัญหา ดังนั้นทางภาคีเครือข่ายฯ จึงเตรียมจะไปยื่นหนังสือให้กรมการปกครองและสภาความมั่นคงแห่งชาติอีกครั้งในเร็วๆ นี้
- 25 views