กระทรวงสาธารณสุขเร่งดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสู่ความเป็นเลิศ โดยใช้กลยุทธ์ PIRAB เน้นการทำงานแบบบูรณาการทุกภาคส่วนให้คนในสังคมร่วมกันพัฒนาฐานรากของชุมชนให้ประชาชนมีอายุยืนยาวและสุขภาพดี
วันนี้ (29 มีนาคม 2560) ที่โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กทม. นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสู่ความเป็นเลิศ (Promotion and Prevention Excellence Strategic Plan Forum) พร้อมบรรยายพิเศษ เรื่อง “การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเป็นเลิศ (PP Excellence) : บูรณาการองค์รวม”
นพ.โสภณ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสู่ความเป็นเลิศ เป็นหนึ่งใน 4 ยุทธศาสตร์สู่ความเป็นเลิศด้านสาธารณสุข ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านสาธารณสุข ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าการดูแลให้ประชาชนมีสุขภาพ โดยภายใน 20 ปี
เด็กจะต้องมีพัฒนาการที่สมวัยไม่น้อยว่าร้อยละ 90
พบอัตราคลอดในหญิงอายุ 15-19 ปี ไม่เกิน 18 คนต่อประชากร 1,000 คน
ผู้สูงอายุมีสุขภาพดีอายุไม่ต่ำกว่า 72 ปี ร้อยละ 88
ผ่านโครงการสำคัญ เช่น โครงการพัฒนาและสร้างเสริมศักยภาพคนไทยกลุ่มสตรีและเด็กปฐมวัย โครงการควบคุมโรคไม่ติดต่อและภัยสุขภาพ โครงการส่งเสริมและพัฒนาความปลอดภัยด้านอาหาร และโครงการคุ้มครองสุขภาพประชาชนจากมลพิษสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เสี่ยง เป็นต้น
โดยยุทธศาสตร์ดังกล่าวเป็นยุทธศาสตร์ที่มีเป้าหมายให้ประชาชนมีอายุยืนยาวและสุขภาพดี ใช้กลยุทธ์ PIRAB ซึ่งเน้นการทำงานแบบบูรณาการทุกภาคส่วน ให้คนในสังคมร่วมกันพัฒนาฐานรากของชุมชน เพื่อให้สามารถบริหารจัดการสุขภาพได้ด้วยตนเอง ลดความเสี่ยง เพิ่มปัจจัยปกป้อง เพิ่มความรอบรู้ด้านสุขภาพ สร้างชุมชน ท้องถิ่นและองค์กรรอบรู้สุขภาพ ขยายวงอย่างกว้างขวางสู่สังคมรอบรู้สุขภาพ (Health Literate Societies) และผลักดันทุกนโยบายห่วงใยสุขภาพ (Health in All Policy)
ทั้งนี้ กลยุทธ์ PIRAB ประกอบด้วย
P : Partner ชักชวนพันธมิตรทุกภาคส่วน ทุกระดับ ให้เห็นความสำคัญและร่วมกันทำงานส่งเสริมสุขภาพแบบยั่งยืน โดยเฉพาะการกำหนดเรื่องสุขภาพเป็นประเด็นสำคัญในทุกนโยบายสุขภาพ (Health in All Policy)
I : Invest กระตุ้นให้เกิดการเกิดลงทุนโดยเฉพาะด้านงบประมาณที่เพียงพอจากระดับนโยบายในทุกภาคส่วนเพื่อจัดการกับปัจจัยกำหนดสุขภาพทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ
R : Regulate and Legislate ใช้การตรากฎและออกกฎหมาย เพื่อคุ้มครองประชาชนจากความเสี่ยงต่อสุขภาพทุกด้าน
A : Advocate ชี้นำ ชูประเด็น และสนับสนุนให้การเมืองทุกระดับให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสุขภาพ บนพื้นฐานสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียม สร้างการทำงานร่วมกันกับทุกภาคส่วน
B : Build Capacity พัฒนาศักยภาพบุคลากรทุกภาคส่วนให้สามารถพัฒนานโยบายทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ รวมทั้งการวิจัย การกระจายความรู้เพื่อความรอบรู้ด้านสุขภาพของประชาชน
ด้าน นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวเสริมว่า นอกจากกลยุทธ์ PIRAB ที่สนับสนุนให้ทุกภาคส่วนและทุกพื้นที่นำไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิผลและประสิทธิภาพในการทำงานส่งเสริมสุขภาพแล้ว กรมอนามัยยังให้ความสำคัญกับการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) ให้เกิดขึ้นกับประชาชน เพื่อให้สามารถกลั่นกรอง ประเมินและตัดสินใจที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเลือกใช้บริการและผลิตภัณฑ์สุขภาพได้อย่างเหมาะสม เริ่มที่ประชาชนเป็นหลักให้สามารถเข้าถึงข้อมูลความรู้สุขภาพ เข้าใจโรค ความเสี่ยง และปัจจัยความเสี่ยง โต้ตอบ ซักถาม แลกเปลี่ยน นำไปสู่การตัดสินใจลดหรือกำจัดปัจจัยเสี่ยง และปรับพฤติกรรมตนเองและปรับสภาพแวดล้อมได้ และสุดท้ายบอกต่อเพื่อสร้างสังคมรอบรู้สุขภาพอย่างยั่งยืน
อธิบดีกรมอนามัย กล่าวต่อว่า การประชุมครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 29 - 31 มีนาคม 2560 เป็นการยกร่างแผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสู่ความเป็นเลิศ ระดับประเทศเน้นการพัฒนาศักยภาพทีมดำเนินงานให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาร่วมกันในทุกระยะ ผ่านกระบวนการ วิเคราะห์สถานการณ์ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ พร้อมทั้งพัฒนากระบวนการดำเนินงานในพื้นที่และในภาพรวมของประเทศ
โดยวันแรกเป็นเรื่อง การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค อดีต ปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต
วันที่สอง เป็นการนำเสนอการขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติ และนำเสนอต้นแบบการขับเคลื่อนงานส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในพื้นที่ 13 เขตสุขภาพ การเสวนาวิชาการและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ส่วนวันที่สามเป็นการอภิปรายของเครือข่าย พันธมิตร จากกระทรวงต่างๆ ในรูปแบบประชารัฐที่ขับเคลื่อนนโยบายสุขภาพ
- 4535 views