กรมควบคุมโรค จับมือ 13 หน่วยงาน ลงนาม MOU ความร่วมมือเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีฯ ในกลุ่มเสี่ยง หลังพบว่าหากกินยา “เพร็พ” ทุกวัน จะป้องกันการติดเชื้อได้ถึงร้อยละ 90
นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าจากการประชุมเชิงปฏิบัติการ“การพัฒนารูปแบบบริการการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีด้วยยาต้านไวรัสก่อนการสัมผัสเชื้อเอชไอวี ในประเทศไทย” ณ โรงแรมนารายณ์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งภายในงานได้มีพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาระบบบริการการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ด้วยยาต้านไวรัสก่อนการสัมผัสเชื้อเอชไอวี ของระบบบริการสาธารณสุข ของประเทศไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กับเครือข่าย 13 หน่วยงาน
นพ.ภาณุมาศ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยมีการพัฒนาคุณภาพการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการดำเนินงานเพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ ซึ่งมีการวิจัยที่สำคัญพบว่า การกินยาต้านไวรัสเพื่อการป้องกัน Pre-Exposure Prophylaxis หรือที่เรียกกันโดยย่อว่า PrEP (เพร็พ) คือ การลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีโดยการกินยาต้านไวรัสทุกวันก่อนสัมผัสเชื้อ โดยร่วมกับมาตรการป้องกันอื่นๆ ทำให้มีประสิทธิผลในการลดอัตราการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มประชากรหลักที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย สาวประเภทสอง ผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีด คู่ชายหญิงที่มีผลเลือดต่าง เป็นต้น
จากการศึกษาหลายการศึกษาสรุปว่า การกินยาเพื่อการป้องกันการติดเชื้อให้ได้ผลดีที่สุดในขณะนี้ คือการกินยาวันละหนึ่งเม็ดทุกวันอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะป้องกันการติดเชื้อได้กว่าร้อยละ 90 สำหรับประเทศไทย ได้มีแนวทางการตรวจรักษาและป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ปี 2557 แนะนำการใช้เพร็พเพื่อการป้องกันการติดเชื้อ โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรหลักที่มีความเสี่ยงสูงข้างต้น และเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2559 ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข ได้ส่งหนังสือขอความร่วมมือไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและโรงพยาบาลทั่วประเทศ ในการจัดบริการเพร็พเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ อย่างไรก็ดีเนื่องจากเพร็พยังไม่สามารถเบิกจ่ายได้จากชุดสิทธิการรักษาพยาบาลใดๆ ได้ เนื่องจากผู้ที่ต้องการกินยาเพร็พไม่ใช่ผู้ป่วย เพราะฉะนั้น ผู้รับบริการจะต้องรับภาระด้านค่าใช้จ่ายเองก่อน ซึ่งการให้กินยาเพร็พฟรีในประเทศไทย ยังจำกัดอยู่เฉพาะในโครงการเท่านั้น
นพ.ภาณุมาศ กล่าวอีกว่า สำหรับการลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) ครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กับเครือข่าย 13 หน่วยงาน ได้แก่ 1.โรงพยาบาลบางรัก กรุงเทพฯ 2.สถาบันบำราศนราดูร จ.นนทบุรี 3.โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี 4.โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จ.ปทุมธานี 5.โรงพยาบาลเลิดสิน กรุงเทพฯ 6.โรงพยาบาลขอนแก่น จ.ขอนแก่น 7.โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น 8.โรงพยาบาลอุดรธานี จ.อุดรธานี 9.โรงพยาบาลป่าตอง จ.ภูเก็ต 10.โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยบูรพา จ.ชลบุรี 11.โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จ.นครราชสีมา 12.โรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมา จ.นครราชสีมา และ13.โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ กรุงเทพฯ โดยได้รับการสนับสนุนด้านวิชาการจากศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐ ด้านสาธารณสุข และคณะผู้เชี่ยวชาญจากหลายสถาบัน
สาระสำคัญของ MOU ฉบับนี้คือ การร่วมกันขับเคลื่อน ประสานความร่วมมือ และผลักดันให้เกิดการพัฒนาระบบการให้บริการการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ด้วยยาต้านไวรัสก่อนการสัมผัสเชื้อเอชไอวีในระดับโรงพยาบาล ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งในมาตรการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีแก่ประชาชนเพื่อนำไปสู่การลดการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ โดยรับการสนับสนุนยาจากกระทรวงสาธารณสุข
- 66 views