กรมสนับสนุนบริการสุขภาพเตือนประชาชน หากป่วยไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ห้ามซื้อยาปฏิชีวนะหรือยาแก้อักเสบมารักษา เพราะไม่ได้ผล เนื่องจากเป็นเชื้อคนละตัว เร่งป้องกันให้ อสม.ทุกหมู่บ้าน ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ต่อเนื่อง เพื่อลดป่วย เสียชีวิต
นพ.วิศิษฎ์ ตั้งนภากร อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่าขณะนี้สภาพอากาศประเทศไทยเริ่มหนาวเย็น ซึ่งเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสได้ดี จะส่งผลให้ประชาชนป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจมากขึ้น โดยเฉพาะโรคที่พบมากคือไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเชื้อโรคต้นเหตุคือเชื้อไวรัส หลังติดเชื้อร่างกายจะค่อยๆ สร้างภูมิต้านทานขึ้นมาและอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง
อย่างไรก็ตามมีประชาชนจำนวนมากยังเข้าใจผิด เมื่อเป็นไข้หวัดมักซื้อยาแก้อักเสบหรือยาปฏิชีวนะมากินเอง เพราะเชื่อว่ารักษาไข้หวัดหายเร็วขึ้น ซึ่งข้อเท็จจริงนั้นยาแก้อักเสบใช้รักษาโรคไข้หวัดทุกชนิดไม่ได้ผล และทำให้เกิดปัญหาใช้ยาเกินความจำเป็น เนื่องจากยาแก้อักเสบใช้สำหรับรักษาโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น เมื่อนำมารักษาไข้หวัดที่เกิดจากเชื้อไวรัสจึงไม่ผลแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องนี้ สบส.ได้ให้ อสม.ทุกหมู่บ้านประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชนในการดูแลรักษาไข้หวัดให้ถูกวิธี รวมทั้งวิธีการป้องกันโรคและป้องกันการป่วยจากโรคแทรกซ้อน โดยเฉพาะโรคปอดบวมหรือปอดอักเสบ ซึ่งพบได้บ่อยในผู้ที่ป่วยเป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่
ในปี 2559 นี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม -31 ตุลาคม สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานทั้ง 77 จังหวัดมีผู้ป่วยปอดบวมสะสม 201,817 ราย เสียชีวิต 305 ราย
วิธีการดูแลรักษาผู้ที่เป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ที่ถูกต้องและได้ผลก็คือ งดการออกกำลังกาย สวมเสื้อผ้าให้ความอบอุ่นร่างกายให้เพียงพอ นอนพักผ่อนให้มากๆ รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย สวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่สู่คนอื่น ล้างมือฟอกสบู่บ่อยๆ เพื่อกำจัดเชื้อโรคออกจากมือ ดื่มน้ำอุ่นบ่อยๆ เพื่อช่วยขับเสมหะออกมาจากทางเดินหายใจได้ง่ายขึ้น อาการจะค่อยๆ ดีขึ้น โดยหากอาการไม่ดีขึ้นใน 2 วัน และมีไข้สูงขึ้น หรือไอ เจ็บหน้าอก หรือเหนื่อยผิดปกติ ให้รีบพาไปพบแพทย์เพื่อรักษาโดยเร็ว ในกรณีที่เป็นเด็กเล็ก ขอให้ผู้ปกครองสังเกตอาการ หากเด็กซึมลง ไม่กินน้ำ ไม่กินนม มีไข้สูง ไอ หายใจลำบาก หายใจหอบเร็ว ซึ่งเป็นสัญญาณของโรคปอดบวม ขอให้รีบพาไปพบแพทย์โดยเร็ว
สำหรับการป้องกันไข้หวัด และไข้หวัดใหญ่ ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องดูแลเป็นพิเศษได้แก่ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้มีโรคประจำตัว เช่นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคไตวายเรื้อรัง เนื่องจากมีภูมิต้านทานโรคต่ำ ขอให้สวมเสื้อผ้าหนาๆ ให้ความอบอุ่นร่างกายให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในที่มีผู้คนแออัดโดยไม่จำเป็น หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละอย่างน้อย 3-4 ครั้ง ยึดหลักกินอาหารที่มีประโยชน์และปรุงสุกใหม่ๆ โดยเฉพาะผักสดผลไม้สด ซึ่งมีวิตามิน ช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคให้ร่างกาย ใช้ช้อนกลางตักอาหาร และหมั่นล้างมือฟอกสบู่บ่อยๆ ภายหลังสัมผัสสิ่งของสาธารณะที่ใช้ร่วมกันมาก เช่น ปุ่มลิฟต์ บันไดเลื่อน ลูกบิดประตู แป้นคีย์บอร์ด เป็นต้น ในกลุ่มของหญิงหลังคลอดแนะนำให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือน เด็กจะได้รับภูมิต้านทานจากแม่ผ่านทางน้ำนม ซึ่งผลการวิจัยทั่วโลกยืนยันตรงกันว่าป้องกันเด็กป่วยได้หลายโรค เช่นโรคปอดบวม โรคอุจจาระร่วง
- 1425 views