โรงพยาบาลอ่างทองเปิดพื้นที่ตลาดนัดให้ “ชาวนา” ขายข้าวสารตรงถึงมือผู้บริโภค ผอ.รพ.ระบุ เตรียมซื้อข้าวให้โรงครัวทำอาหารทั้งปี ขณะนี้อยู่ระหว่างดูระเบียบการจัดซื้อ เชื่อหากโรงพยาบาล-โรงเรียน-เรือนจำ ทั่วประเทศช่วยกันอุดหนุนจะช่วยชาวนาได้มหาศาล

นพ.พงษ์นรินทร์ ชาติรังสรรค์

นพ.พงษ์นรินทร์ ชาติรังสรรค์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอ่างทอง เปิดเผยว่า ขณะนี้โรงพยาบาลอ่างทองได้เปิดพื้นที่ตลาดนัดซึ่งอยู่ภายในบริเวณของโรงพยาบาลอ่างทองให้ชาวนาเข้ามาจับจองเพื่อขายข้าวสารโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เบื้องต้นจะยังไม่ได้กำหนดระยะเวลาสิ้นสุดโครงการ เนื่องจากไม่มีใครทราบว่าราคาข้าวจะตกไปอีกนานหรือไม่ ฉะนั้นจึงต้องทำไปเรื่อยๆ ก่อน

นพ.พงษ์นรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาข้าวตกต่ำเป็นอย่างมาก จากการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลซึ่งเป็นลูกหลานชาวนาพบว่าราคาข้าวไม่เคยต่ำจนถึงขนาดนี้มาก่อน คือประมาณเกวียนละ 6,000 บาท ชาวนาจึงมีแนวคิดสีข้าวขายเอง ขณะที่โรงพยาบาลก็มีพื้นที่ตลาดนัดที่เปิดขายทุกวันตั้งแต่เช้า และมีคนเข้ามาเดินเป็นจำนวนมาก โรงพยาบาลจึงอำนวยความสะดวกให้ชาวนาสามารถขายข้าวตรงถึงมือผู้บริโภคได้

“ทราบมาว่ามีชาวนาประสานเข้ามายังโรงพยาบาลจำนวนหนึ่ง ซึ่งหากเขาพร้อมขายก็สามารถเข้ามาขายได้เลย เพียงแต่จะต้องเป็นชาวนาตัวจริง ข้าวมีคุณภาพ และราคาสมเหตุสมผล โดยเบื้องต้นจะมีทั้งข้าวของเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล และข้าวที่ผ่านมาทางสำนักงานการเกษตร สหกรณ์การเกษตร ซึ่งหน่วยงานเหล่านี้จะช่วยพิจารณาว่าบุคคลที่นำข้าวมาขายนั้นเป็นชาวนาจริงๆ ส่วนข้าวที่นำมาขายนั้นต้องเป็นข้าวที่สีแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโรงสีเล็กๆ ที่ชาวนาสีกันเอง” นพ.พงษ์นรินทร์ กล่าว

นอกจากนี้ ในส่วนของโรงพยาบาลอ่างทองก็มีแนวคิดที่จะรับซื้อข้าวสารของชาวนาไปประกอบอาหารในโรงครัวให้กับผู้ป่วย เพราะเดิมทีก็ซื้อจากร้านค้าและโรงสีอยู่แล้ว หลังจากนี้ก็จะพิจารณาซื้อจากชาวนาที่เข้ามาขายโดยตรง

“ตรงนี้จำเป็นต้องดูระเบียบให้ถูกต้อง ต้องระวังด้วย หากซื้อปลีกจะมีปัญหาได้ อาจต้องดูความถูกต้องเหมาะสม เช่น จัดสอบราคา เป็นต้น นั่นเพราะเราจะซื้อทั้งปี ฉะนั้นต้องดูสเป็ก เรื่องของราคา ความเหมาะสม คือถ้าราคาที่เท่าๆ กัน ในสเป็กที่เท่ากัน เราจะเลือกของชาวนาก่อน” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอ่างทอง กล่าว

นพ.พงษ์นรินทร์ กล่าวอีกว่า หากแนวคิดดังกล่าวถูกขยายไปไปสู่โรงเรียนที่ต้องทำอาหารกลางวันให้นักเรียน รวมถึงเรือนจำที่ใช้ข้าวปริมาณมากในแต่ละวัน ก็จะช่วยเหลือชาวนาได้เป็นจำนวนมาก ที่สำคัญก็คือโรงพยาบาลทั่วประเทศที่ใช้ข้าวมาก หากโรงพยาบาลดำเนินการพร้อมกัน จะช่วยชาวนาได้อย่างมหาศาล

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นได้พูดคุยกับเครือข่ายในพื้นที่และทราบว่าโรงพยาบาลหลายแห่งมีแนวทางอยู่แล้ว ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับความพร้อม โรงพยาบาลใดพร้อมก็สามารถดำเนินการไปก่อนได้ ซึ่งสำหรับอ่างทองถือเป็นอู่ข้าวอู่น้ำอยู่แล้ว จึงสามารถดำเนินการได้ทันที

อนึ่ง โรงพยาบาลอ่างทองเปิดโครงการขายข้าวสารตรงถึงมือผู้บริโภคตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย.2559 โดยผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ 0-3561-5111 ต่อ 163 ฝ่ายโภชนศาสตร์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ