เครือข่ายคลินิกโรคหืดและปอดอุดกั้นเรื้อรังแบบง่าย เผยผลการดำเนินงานรอบ 5 ปีที่ผ่านมา สามารถลดจำนวนคนไข้โรคหืดแอดมิทได้มากถึง 29% ทำให้ภาครัฐลดภาระรายจ่ายลงมากกว่า 100 ล้านบาท มี รพ.ที่ได้รับรางวัลบริการยอดเยี่ยมประเภทโรคหืด คือ รพ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี และรางวัลประเภทโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง คือ รพ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน

ในการประชุมใหญ่เครือข่ายคลินิกโรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ประจำปี ครั้งที่ 12 (12th EACC Annual Meeting) กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมกับเครือข่ายคลินิกโรคหืดและปอดอุดกั้นเรื้อรังแบบง่าย (Easy Asthma and COPD Clinic Network)

นพ.อัครพล คุรุศาสตรา เลขานุการพัฒนาระบบบริการสุขภาพสาขาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เขตสุขภาพที่ 10 กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข และ สปสช.ได้จับมือก้าวเข้าสู่การเป็นหน่วยงานสาธารณสุขแห่งชาติไปด้วยกัน ท่ามกลางเสียงชื่นชมของนานาชาติ โดยมุ่งหวังให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน สามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างเท่าเทียม และได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งการจับมือกันร่วมทำงานเช่นนี้ จะช่วยให้การกำหนดเป้าหมายและทิศทางการดำเนินการจัดระบบบริการดูแลผู้ป่วยให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถมองแค่การรักษาเพียงอย่างเดียวได้ เพราะประชาชนทุกคนต่างก็ต้องมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพของตนเองด้วย

รศ.นพ.วัชรา บุญสวัสดิ์

รศ.นพ.วัชรา บุญสวัสดิ์ ประธานเครือข่ายคลินิกโรคหืดและปอดอุดกั้นเรื้อรังแบบง่าย (Easy Asthma and COPD Clinic Network) กล่าวว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 – 2558 เป็นเวลากว่า 5 ปี เครือข่ายคลินิกโรคหืดฯ สามารถลดจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้านอนพักรักษาตัวจากประมาณ 66,000 ครั้ง ให้เหลือเพียงประมาณ 45,000 ครั้งเท่านั้น โดยในปี 2558 ที่ผ่านมามีจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาและนอนในโรงพยาบาลลดลงกว่า 29% เมื่อคำนวนเป็นเงินออกมาก็สามารถลดค่าใช้จ่ายไปได้กว่า 100 ล้านบาท  ซึ่งเป็นผลสำเร็จที่น่าประทับใจอันเกิดจากความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วน ที่มีส่วนสำคัญช่วยผลักดันให้การดำเนินงานเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างต่อเนื่อง

โดยในปีนี้โรงพยาบาลที่ได้รับรางวัลบริการดีเด่น EACC Excellence Award 2015 ประเภท Asthma ได้แก่ รพ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี และรางวัลประเภท COPD ได้แก่ รพ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน

จึงอยากสนับสนุนให้คนไข้เข้าร่วมคลินิกฯ เพื่อรับการบริการเพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยปัจจุบันผู้ป่วยที่เข้าร่วม กว่า 90% จะได้รับการวัดสมรรถภาพปอดเพื่อให้การรักษาที่ถูกต้องต่อความรุนแรงของโรคและจะได้รับยาพ่นรักษาทำให้โรคสงบลง และสามารถใช้ชีวิตแบบคนปกติทั่วไปได้และทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย

นอกจากโรคหืดแล้ว การพัฒนาทางด้านการรักษาโรคปอดอุดกั้นเรื้องรัง ในระยะ 2-3  ปีที่ผ่านมา ก็มีผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการดีขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะทางด้านเครื่องมือแพทย์และเวชภัณฑ์ในการรักษา ได้มีการกระจายเครื่องวัดสมรรถภาพปอดเพิ่มมากขึ้นในโรงพยาบาลระดับอำเภอ และได้มีการพัฒนายาขยายหลอดลมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

สำหรับในปี พ.ศ. 2559 นี้ คาดว่าจะมีผู้ป่วยโรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังทั่วโลกเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล และมลภาวะทางอากาศต่างๆ เช่น ฝุ่นละออง หรือควันจากก็าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่เพิ่มมากขึ้นในทุกๆ ปี รวมไปถึงการดำเนินชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้จำนวนผู้ป่วยโรคหืด และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังเพิ่มสูงขึ้นโดยทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว ซึ่งจากข้อมูลขององค์กรอนามัยโลก (WHO)จำนวนผู้ป่วยทั่วโลกอาจสูงถึง 325 ล้านคน และจำนวนผู้ป่วยที่เสียชีวิตส่วนมากมาจากประเทศที่มีรายได้น้อย ซึ่งในความเป็นจริง หลายเคสสามารถป้องกันได้ หากได้รับการรักษาที่ถูกต้อง

รศ.นพ.วัชรา กล่าวต่อว่า ในฐานะตัวแทนของเครือข่ายคลินิกโรคหืด และปอดอุดกั้นเรื้อรังแบบง่าย รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ตลอดระยะเวลากว่า 12 ปี เครือข่ายฯ ได้มีโอกาสช่วยให้ผู้ป่วยโรคหืดและปอดอุดกั้นเรื้อรังในหลายภูมิภาค สามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถลดอัตราการกำเริบรุนแรงของโรคจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้  

เครือข่ายคลินิกโรคหืดและปอดอุดกันเรื้อรังแบบง่ายจะไม่ประสบความสำเร็จเลย หากไม่ได้รับความร่วมแรงร่วมใจของ “ผู้ให้” ทุกคนจากหลากหลายสาขาวิชาชีพที่มาดำเนินงานในเครือข่ายฯ ร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงสาธารณสุขและ สปสช.ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งในด้านการกำหนดนโยบาย ดัชนีชี้วัดและผลักดันให้มีระบบการให้บริการผู้ป่วยโรคหืดและปอดอุดกั้นเรื้อรังที่มีคุณภาพ และงานประชุมในวันนี้ก็เป็นอีกผลงานที่แสดงให้เห็นว่า มีหน่วยงานมากมายที่มีเป้าหมายเดียวกัน คือ ลดอัตราการครองเตียงของผู้ป่วยโรคหืด และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งทางเครือข่ายคลินิกโรคหืดฯ จะยึดมั่นในการทำงานของตนต่อไป เพื่อไปสู่เป้าหมาย Admission Rate Near Zero ให้ได้

ด้าน นพ.จักรกริช โง้วศิริ ประธานกลุ่มภารกิจสนับสนุนระบบบริการสุขภาพ สปสช. กล่าวว่า โรคหืดและปอดอุดกั้นเรื้อรังถือเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ ที่หากมีการจัดการระบบการดูแลผู้ป่วยที่มีมาตรฐานและคุณภาพ จะช่วยลดอัตราผู้ป่วยเสียชีวิต รวมถึงอัตราการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลลดน้อยลง ซึ่งจะเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการดูและรักษาพยาบาลซึ่งเป็นงบประมาณของประเทศ ทั้งยังช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ผู้ป่วยและคนในครอบครัวได้ด้วย โดยในปี พ.ศ. 2560-2561 สปสช.จะมีการปฏิรูปนโยบายและแผนงานให้สอดคล้องกับการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข มากยิ่งขึ้น