ในยุคปัจจุบันผู้คนเริ่มหันกลับมาให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับการนวดเต้านมโดยเฉพาะในกลุ่มแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่

"การนวดเต้านม" เป็นภูมิปัญญา ในการแก้ไขปัญหาการให้นมแม่ ที่มีหลากหลายวิธีการปรากฏให้เห็นในแทบทุกทวีปทั่วโลก เช่นเดียวกับทุกภาคของประเทศไทย ในระยะ 1-2 ปีที่ผ่านมา ได้เกิดประเด็นทางสังคมในสื่อออนไลน์ ถึงความนิยมในการนวดเต้านม เพื่อแก้ไขปัญหาการให้นมบุตรที่มีการสื่อสารบอกต่อว่าจะเป็นการช่วยเพิ่มน้ำนม การใช้วิธีนวดแบบรุนแรงที่มีผลให้เกิดการช้ำอักเสบของเต้านม การใช้อุปกรณ์เจาะ แยงท่อน้ำนมประกอบการนวดเพื่อแก้ไขปัญหาท่อน้ำนมตัน ซึ่งความเชื่อและการปฏิบัติดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบต่อความเข้าใจผิดของแม่ และก่อให้ปัญหาแทรกซ้อนในระบบท่อน้ำนม การเกิดปัญหาเต้านมอักเสบ เต้านมเป็นฝีตามมา 

ที่ผ่านมา ในการประชุมวิชาการนมแม่แห่งชาติครั้งที่ 5 สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี(โรงพยาบาลเด็ก) ได้จัด Pre-conference workshop ขึ้นเพื่อให้แพทย์ พยาบาล แพทย์แผนไทย และแม่อาสา ได้มีโอกาสอันดีในการได้เรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และได้รับมุมมองศาสตร์แห่งการนวดในหัวข้อ "Therapeutic Breast Massage in Lactation (TBML)" โดยได้เชิญผู้เชี่ยวชาญ 2 ท่านจากสหรัฐอเมริกา ได้แก่ Dr.Ann Witt แพทย์ผู้ก่อตั้ง Breastfeeding Medicine of Northeastern Ohio และ Maya Bolman พยาบาลผู้ชำนาญศาสตร์การนวดแบบรัสเซียแบบผสมผสานหลักการของระบบต่อมน้ำเหลือง (lymphatic system) และปัจจุบันเป็นประธาน ILCA Multicultural Committee

 

วิทยากรทั้ง 2 ท่าน มีความชำนาญในการปฏิบัติงานในคลินิกนมแม่อย่างยาวนานและมีผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ได้รับเชิญเป็นวิทยากรในหลายประเทศ วิทยากรได้ถ่ายทอดความรู้ทั้งในด้านทฤษฎีและสาธิตวิธีการนวดเต้านมแก่คุณแม่ที่มีปัญหาเต้านมคัดและท่อน้ำนมอุดตัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับศาสตร์และวิธีการนวดเต้านมที่ถูกต้อง

พญ.ชนิกานต์ ทิพาโรจนกิจ กุมารแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนมแม่ ร.พ.เจริญกรุงประชารักษ์ ได้เข้าร่วมการประชุม และอธิบายสรุปว่า “การนวดเต้านมแบบ TBML และบีบน้ำนมด้วยมือ เป็นเทคนิคที่คุณแม่ที่ให้นมแม่ สามารถนำไปปฏิบัติต่อได้ด้วยตนเอง ทำได้ทุกที่ ทุกเวลา ทุกสถานที่ ไม่มีค่าใช้จ่าย เน้นการนวดที่นุ่มนวล ไม่เจ็บ โดยใช้การลูบไล้อย่างแผ่วเบา ไปในทิศทางระบบท่อต่อมน้ำเหลือง ซึ่งในทางกายภาพระบบต่อมน้ำเหลือง จะมีตัวต่อมฝังในร่างกายส่วนต่างๆ และจะมีท่อนำน้ำเหลืองกระจายออกมาท่อต่อมน้ำเหลืองส่วนใหญ่อยู่บริเวณผิวหนัง ไม่ได้อยู่ลึก ผู้นวดจึงไม่ต้องกดน้ำหนักลงไปลึก

การที่คุณแม่มีเต้านมคัด ของเหลวที่อยู่ในเต้านมไม่ได้มีเพียงน้ำนมเท่านั้น แต่ยังประกอบด้วยสารคัดหลั่ง ดังนั้นการนวดตามหลักการของ lymphatic system คือ ไล่ระบายให้สารคัดหลั่งกลับสู่ต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้ได้ง่าย สะดวกขึ้น อาการคัดตึงเต้านม อาการเป็นก้อนจากท่อน้ำนมอุดตัน และความเจ็บปวดจะลดลง ใช้การประคบเย็นภายหลังการนวดเพื่อช่วยลดบวม” 

พญ.ศิริพร กัญชนะ ประธานศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การนวดเพียงอย่างเดียวไม่ได้ช่วยทำให้น้ำนมเพิ่มขึ้น การจะมีน้ำนมมากขึ้นต้องอาศัยหลักการเดิมคือ การให้ลูกได้ดูดบ่อย ดูดถูกวิธี ดูดให้นานพอ พบว่าในระหว่างการนวดและการดูดของลูก ฮอร์โมนออกซิโทซินมีลักษณะการหลั่งที่ต่างกัน ถ้าคุณแม่อยากเพิ่มน้ำนมก็ควรเอาลูกเข้าเต้าให้บ่อยขึ้น

นอกจากนี้ ความเจ็บปวดจะกดการหลั่งของฮอร์โมนออกซิโทซิน ดังนั้น การนวดต้องไม่เจ็บ เมื่อคุณแม่รู้สึกสุขสบายจากการนวด น้ำนมก็จะไหลดี ทั้งนี้ไม่ควรสอดใส่วัสดุใดใดเข้าทางรูเปิดของท่อน้ำนม เนื่องจากอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ เกิดเต้านมอักเสบเป็นฝีตามมา วิธีการปฏิบัติดังกล่าวยังไม่มีงานวิจัยที่ได้มาตรฐานรองรับและไม่เป็นคำแนะนำให้ปฏิบัติตามหลักการสากล

พญ.ศิราภรณ์ สวัสดิวร ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวสรุปว่า ปัญหาเต้านมคัด ท่อน้ำนมตัน เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยที่ทำให้เป็นอุปสรรคในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้สำเร็จ การให้ลูกดูดนมออก หรือการบีบน้ำนมออกบ่อยจากเต้า เป็นหลักการสำคัญในการจะเพิ่มการสร้างน้ำนม สำหรับการนวดเต้านมเป็นหนึ่งในขบวนการเสริมในกรณีเต้านมคัด ที่อาศัยเทคนิคการนวดที่แผ่วเบา ในทิศทางที่กระตุ้นให้เกิดการไหลเวียนของระบบน้ำนม ระบบน้ำเหลือง ที่เหมาะสม ส่งผลต่อการกระตุ้นให้น้ำนมมีทางเดินออก และความรู้สึกผ่อนคลาย จะมีผลให้น้ำนมไหลดี

การเจาะแยงท่อน้ำนม เป็นเรื่องที่อันตรายต่อการนำการติดเชื้อเข้าสู่เต้า ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาความไม่เข้าใจหรือการส่งต่อความเข้าใจที่ผิดในสังคม สถาบันฯ มีความยินดี ที่จะช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ บนพื้นฐานของวิชาการ และงานวิจัยที่ได้มาตรฐาน เพื่อความถูกต้องในการปฏิบัติ และป้องกันอันตรายจากปัญหาแทรกซ้อนที่อาจเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์