เดอะ คอนเวอร์เซชั่น : การปฏิรูปประชาธิปไตยในแอฟริกาใต้ยังประโยชน์หลายประการแก่บริการสาธารณสุข โดยเฉพาะการดูแลรักษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายทั้งในแง่บริการสำหรับหญิงตั้งครรภ์และเด็ก และบริการปฐมภูมิ เช่นเดียวกันกับโครงการก่อตั้งคลินิกซึ่งได้ขยายไปถึงการสาธารณสุขมูลฐาน ตลอดจนการขยับขยายโครงการวัคซีนและโครงการรักษาโรคเอดส์ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก
นโยบายที่อยู่เบื้องหลังความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนั้นถือได้ว่าเป็นการปฏิวัติระบบสาธารณสุข เนื่องจากเป็นการยกระดับสุขภาพของประชาชนโดยเน้นไปที่ความเท่าเทียมและชดเชยให้แก่ผู้ที่เคยได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากนโยบายแบ่งแยกสีผิว
วิกฤติบุคลากรในภาคการสาธารณสุข คือหนึ่งในจุดบกพร่องทางด้านนโยบายสาธารณสุขในแอฟริกาใต้ ภาพประกอบโดย Reuters/Antony Kaminju
กระนั้นนโยบายใหม่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะพลิกฟื้นสถานภาพโดยรวมของระบบสาธารณสุขของแอฟริกาใต้ ซึ่งแม้ว่าได้จัดสรรงบประมาณสำหรับบริการสาธารณสุขไว้ราวร้อยละ 8.5 ของจีดีพี (ราว 332,000 ล้านแรนด์) แต่ครึ่งหนึ่งของงบประมาณกลับตกไปอยู่กับภาคเอกชนอันเป็นบริการสำหรับผู้มีอันจะกิน ขณะที่ประชากรราวร้อยละ 84 ที่เหลือซึ่งต้องแบกรับภาระโรคหนักหน่วงกว่ากลับต้องพึ่งบริการของรัฐโดยการสนับสนุนอย่างจำกัดจำเขี่ย
จากเหตุผลดังกล่าวทำให้แอฟริกาใต้ซึ่งแม้มีสถานะเป็นประเทศเศรษฐกิจระดับกลางจึงยังคงมีผลลัพธ์ด้านสาธารณสุขที่ย่ำแย่เมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่มีขนาดเศรษฐกิจไล่เลี่ยกัน ดังตัวอย่างประเทศบราซิลซึ่งมีสัดส่วนการจัดสรรงบประมาณสาธารณสุขคิดตามร้อยละของจีดีพีใกล้เคียงกับแอฟริกาใต้
และเมื่อพิจารณาจากเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนก็จะเห็นได้ชัดถึง “ภารกิจค้างคา” จากปัญหาความไม่เท่าเทียมด้านสุขภาพ
ทั้งที่หลักฐานยืนยันว่า บริการสาธารณสุขของรัฐที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพจะเป็นกลไกสำคัญที่สุดต่อการลดปัญหาความไม่เท่าเทียม
จุดบกพร่องหลักในการให้บริการ
ปัญหาที่พบในแอฟริกาใต้มีสาเหตุมาจาก
การเพิกเฉยต่อปัญหาด้านทักษะ รวมถึงความล้มเหลวด้านภาวะผู้นำ การจัดการ และการบริหาร
ความบกพร่องของระบบสาธารณสุขระดับเขตอันเป็นกลไกหลักของบริการสาธารณสุขปฐมภูมิ
ความบกพร่องในการแก้ไขวิกฤติบุคลากรในภาคการสาธารณสุข
ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบไปถึงผู้ป่วย บุคลากรสาธารณสุข และการนำนโยบายไปปฏิบัติ โดยผู้ป่วยที่ไร้อำนาจต่อรองกลายสภาพเป็นผู้รับกรรมซึ่งต้องผจญกับประสบการณ์เลวร้ายและบริการต่ำกว่ามาตรฐาน
และในอีกด้านหนึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับปฏิบัติซึ่งอยู่ในระดับล่างสุดของสายการบริหาร ก็ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่เป็นใจ ปัญหาขาดแคลนบุคลากร และความบกพร่องของระบบสาธารณสุข ซึ่งล้วนแต่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามจรรยาบรรณและให้บริการที่ดี
จุดบกพร่องที่หนึ่ง: ปัญหาขาดภาวะผู้นำ
ระบบสาธารณสุขของแอฟริกาใต้ยังคงประสบปัญหาด้านความสามารถ ภาวะผู้นำ ตลอดจนความล้มเหลวด้านการบริหารภายใต้การกุมบังเหียนของนายแอรอน มอตโซอาเลดี รมว.สาธารณสุขคนปัจจุบัน ทั้งที่แวดล้อมไปด้วยคณะผู้บริหารและบุคลากรด้านสาธารณสุขแถวหน้า และยิ่งเห็นได้ชัดเมื่อซ้ำเติมด้วยปัญหาขาดความรับผิดชอบต่อสาธารณะในหมู่เจ้าหน้าที่
งานวิจัยของผู้เขียนซึ่งรายงานไว้เมื่อปี 2552 ได้ชี้ให้เห็นช่องโหว่ด้านการจัดการและภาวะผู้นำของบริการสาธารณสุขแอฟริกาใต้ โดยเฉพาะการบริหารและคุณภาพการบริการอันเป็นต้นตอของปัญหารายจ่ายสูงเกินจริงในหน่วยงานสาธารณสุขระดับจังหวัด
ประสิทธิภาพของระบบสาธารณสุขแอฟริกาใต้ยังถ่วงไว้ด้วยแผนงานสาธารณสุขที่กระจัดกระจาย ปัญหาการประสานงานที่ไม่ดีพอระหว่างหน่วยงานสาธารณสุขระดับประเทศและระดับจังหวัด และการจัดตั้งหน่วยงานคล้ายกระทรวงสาธารณสุขที่แยกย่อยไปถึง 10 องค์กร แทนที่จะจัดตั้งระบบสาธารณสุขแห่งชาติที่แข็งแกร่งไว้เพียงระบบเดียว ซึ่งในอีก 6 ปีต่อมา ปัญหาดังกล่าวก็ยังคงปรากฏทั้งในแผนการพัฒนาแห่งชาติและการศึกษาทบทวนภารกิจในรอบ 20 ปีโดยทำเนียบประธานาธิบดีแอฟริกาใต้
คอร์รัปชันก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ตามที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินของแอฟริกาใต้พบว่าระหว่างปี 2552 และ 2556 มีรายจ่ายผิดปกติในงบประมาณสาธารณสุขระดับจังหวัดสูงถึง 24,000 ล้านแรนด์ และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่อาจทราบว่ามีเงินที่พัวพันกับการคอร์รัปชันอยู่มากเพียงใด หากมองในแง่ดีที่สุดแล้วก็ยังคงเห็นว่างบประมาณดังกล่าวต้องสูญไปกับความบกพร่องของเจ้าหน้าที่รัฐ และระบบการจัดการอันไร้ประสิทธิภาพ
จุดบกพร่องที่สอง: บริการสาธารณสุขปฐมภูมิหย่อนประสิทธิภาพ
แอฟริกาใต้ขาดระบบสาธารณสุขระดับเขตที่มีประสิทธิภาพอันจะเป็นหลักประกันการให้บริการที่มีคุณภาพและเท่าเทียมกันสำหรับประชาชนทุกคน
เมื่อปี 2539 ผู้เขียนและคณะได้เสนอแนะงานบริการสาธารณสุขปฐมภูมิที่จำเป็นสำหรับแอฟริกาใต้ ได้แก่ สุขภาพสตรี สุขภาพจิต และการบำบัดฟื้นฟู และเกือบ 20 ปีต่อมาก็พบว่ายังคงมีอุปสรรคที่คอยฉุดรั้งประสิทธิภาพของระบบสาธารณสุขระดับเขต ประกอบด้วย
การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายในแง่บทบาทของรัฐบาลท้องถิ่นต่อการให้บริการสาธารณสุขปฐมภูมิ
บทบาทที่ทับซ้อนระหว่างหน่วยงานสาธารณสุขระดับชาติ ระดับจังหวัด และระดับท้องถิ่นอัน ก่อให้เกิดความเขม็งเกลียวและไม่ไว้วางใจ
ปัญหาด้านงบประมาณและความสามารถองค์กร
ระบบการจัดการที่ด้อยประสิทธิภาพ
จุดบกพร่องที่สาม: วิกฤติการณ์บุคลากรสาธารณสุข
แม้ว่าแอฟริกาใต้มีแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยทรัพยากรบุคคลด้านสาธารณสุขระยะ 5 ปีเพื่อรับมือกับวิกฤติด้านบุคลากรสาธารณสุข ทว่าแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวยังคงเข้าไม่ถึงปัญหาอย่างแท้จริง เนื่องจากมองข้ามบทบาทของการบริหารระดับล่าง และไม่ตระหนักถึงนัยสำคัญของแผนประกันสุขภาพแห่งชาติต่อการบริหารงานทรัพยากรบุคคล
นอกจากนี้แผนยุทธศาสตร์ทรัพยากรบุคคลยังละเลยปัญหาสำคัญด้านการพัฒนาทักษะที่ต้องการ รวมถึงอัตรากำลังของบุคลากรสาธารณสุขที่สอดคล้องกับงานในระบบสาธารณสุขแต่ละระดับ
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกระบุว่า ประเทศแอฟริกาใต้มีอัตรากำลังบุคลากรสาธารณสุขสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ และเมื่อเทียบกับอีกหลายประเทศก็พบว่า แอฟริกาใต้มีข้อได้เปรียบหลายประการทั้งสถาบันผลิตบุคลากรสาธารณสุขที่ดีติดอันดับโลก บุคลากรสาธารณสุขเปี่ยมด้วยทักษะความสามารถ กฎระเบียบด้านวิชาชีพที่เข้มงวด และงบประมาณที่เพียงพอสำหรับการจ่ายค่าตอบแทนในอัตราที่ค่อนข้างสูง
แต่ทั้งที่มีจุดแข็งหลายข้อดังกล่าว แอฟริกาใต้ก็ยังเผชิญวิกฤติด้านบุคลากรสาธารณสุขในหลายพื้นที่ ซึ่งนอกจากวิกฤติด้านภาวะผู้นำแล้ว ก็ยังคงพบปัญหาความไม่เท่าเทียมและความสมดุลในด้านการกระจายอัตรากำลังระหว่างเขตเมืองและเขตชนบท รวมถึงระหว่างบริการภาครัฐและภาคเอกชน
ประการที่สอง...แอฟริกาใต้กำลังเผชิญกับวิกฤติการขาดแคลนบุคลากร ซึ่งการรับงานกะกลางคืนและงานผ่านบริษัทนายหน้าในหมู่พยาบาล รวมถึงการรับงานโรงพยาบาลเอกชนในกลุ่มแพทย์โรงพยาบาลรัฐ ก็ซ้ำเติมปัญหานี้ให้หนักหน่วงยิ่งขึ้น
โดยมีผลสำรวจจากปี 2553 ชี้ว่า ร้อยละ 40.7 ของพยาบาลที่ตอบแบบสอบถาม 3,700 คนรับงานกะกลางคืนหรือรับงานผ่านบริษัทนายหน้าในช่วงหนึ่งปีก่อนการสำรวจ
ประการที่สาม...เห็นได้ชัดว่าบุคลากรสาธารณสุขแอฟริกาใต้ขาดขวัญกำลังใจในการทำงาน มีพฤติกรรมการทำงานที่ไม่เป็นมืออาชีพ และมีทัศนคติต่อการทำงานที่ย่ำแย่ ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบไปถึงคุณภาพการดูแลรักษาผู้ป่วย
นอกจากนี้ยังเกิดวิกฤติด้านระบบข้อมูลทรัพยากรบุคคล ซึ่งส่งผลกระทบลามไปถึงการวางแผนและการผลิตบุคลากรสาธารณสุข รวมถึงปัญหาด้านคุณภาพ ความครอบคลุม และการเปรียบเทียบกันได้ของตัวข้อมูล และแม้แต่ในกรณีที่มีข้อมูลก็กลับพบว่าไม่ได้นำข้อมูลนั้นมาใช้ประกอบการตัดสินใจ
เป้าหมายที่รอการแก้ไข
จำเป็นที่แอฟริกาใต้จะต้องแก้ไขจุดบกพร่องที่กล่าวมา ซึ่งต้องอาศัยทั้งเจตจำนงทางการเมือง ภาวะผู้นำ และความใส่ใจการบริการ
ผู้เขียนเห็นว่าแอฟริกาใต้จำเป็นต้องแต่งตั้งผู้บริหารงานบริการของรัฐซึ่งเพียบพร้อมด้วยทักษะ ความสามารถ จริยธรรม และระบบคุณค่าที่เหมาะสม
นอกจากนี้ยังต้องปรับปรุงสายการปกครองในระบบสาธารณสุขให้เข้มงวด วางระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ และเปิดทางให้ภาคสังคมเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อที่จะดำรงสำนึกรับผิดชอบต่อสาธารณะของเจ้าหน้าที่รัฐ
อนึ่ง ผู้เขียนเห็นว่าการปฏิรูประบบสาธารณสุขซึ่งจุดประกายขึ้นจากแผนการประกันสุขภาพแห่งชาตินับเป็นโอกาสครั้งสำคัญสำหรับการปฏิรูประบบสาธารณสุขของแอฟริกาใต้ ขณะที่อีกหลายประเทศคงได้แต่เฝ้ามอง
ผู้เขียน เลทีเซีย ริสเพล คณบดีคณะสาธารณสุข มหาวิทยาลัย Witwatersrand ประเทศแอฟริกาใต้
ที่มา : The Conversation
- 493 views