ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ป้องกันตั้งครรภ์วัยรุ่น ก่อนเสนอ สนช.พิจารณาต่อไป สาระสำคัญของกฎหมายตั้ง คกก.ป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น มีนายกฯ เป็นประธาน กำหนดระเบียบและวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น การช่วยเหลือ การแก้ไข และการเยียวยาปัญหาอนามัยการเจริญพันธุ์ของวัยรุ่น

เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 58 เมื่อเวลา 14.00น.ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบร่างกฏหมายป้องกันและแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ไม่เกิดเฉพาะในประเทศไทย แต่เป็นปัญหาที่ทุกประเทศกำลังเผชิญ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะมีอัตราเพิ่มขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของบุคคล ครอบครัว รวมถึงชุมชน สังคมเศรษฐกิจโดยรวม จึงออกกฏหมายฉบับนี้ออกมา

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาไปพร้อมกับร่างพระราชบัญญัติฯ ซึ่งนายเจตน์ ศิรธรานนท์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ทันภายในกำหนดเวลาต่อไป

กำหนดให้วัยรุ่นอายุ 10-19 ปี

ทั้งนี้ กฏหมายฉบับนี้กำหนดให้วัยรุ่น คือบุคคลอายุตั้งแต่ 10-19  ปีบริบูรณ์ โดยหลักเกณฑ์กำหนดให้วัยรุ่นมีสิทธิ์รับข้อมูลข่าวสารความรู้และการบริการตามสิทธิ์อนามัยการเจริญพันธุ์ กล่าวคือให้สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนเรื่องเพศวิถีศึกษาให้เหมาะสมกับช่วงอายุ และระดับการศึกษา อีกทั้ง กำหนดให้มีคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น โดยมีนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกฯที่ได้รับมอบหมายเป็นประธาน และมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ปลัดกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ผู้ทรงคุณวุฒิ รวมถึงตัวแทนเด็กและเยาวชนจากสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย ร่วมอยู่ในคณะกรรมการ โดยคณะกรรมการชุดนี้ มีหน้าที่เสนอนโยบาย ป้องกัน แก้ไข และเยียวยาปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นอย่างครบถ้วน อย่างไรก็ตาม เมื่อกฏหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้จะทำให้ทุกหน่วยงานสามารถบูรณาการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้อย่างเต็มที่ โดยจะต้องเก็บรักษาความลับและความเป็นส่วนตัวของบุคคลที่เป็นเหยื่อของการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นเอาไว้ด้วย นอกจากนี้กฏหมายฉบับนี้ ยังได้มีการกำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการไว้ด้วย

สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ

1. กำหนดบทนิยามคำว่า “วัยรุ่น” หมายความว่าบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 10 ปี ถึง 19 ปีบริบูรณ์

2. กำหนดให้วัยรุ่นมีสิทธิได้รับข้อมูลข่าวสาร ความรู้ และบริการตามสิทธิอนามัยการเจริญพันธุ์เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และเพียงพอ และกำหนดให้สถานศึกษาต้องจัดให้มีการเรียนการสอนเรื่องเพศวิถีศึกษาให้เหมาะสมกับช่วงวัยของนักเรียนและนักศึกษา รวมถึงการจัดหาและพัฒนาผู้สอนให้สามารถสอนเพศวิถีศึกษาและให้การปรึกษา ตลอดจนกำหนดให้สถานบริการ สถานประกอบกิจการ ราชการส่วนท้องถิ่นต้องให้ข้อมูลข่าวสาร และความรู้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นอย่างถูกต้อง เหมาะสม ครบถ้วน และทั่วถึง

3. กำหนดให้มี “คณะกรรมการการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น” โดยมีนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นองประธานกรรมการ มีกรรมการโดยตำแหน่ง 5 คน ได้แก่ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงยุติธรรม ปลัดกระทรวงแรงงาน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และปลัดกรุงเทพมหานคร และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 10 คน ซึ่งประธานกรรมการแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ มีผลงาน และมีประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ในด้านการสาธารณสุข ด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของวัยรุ่น ด้านการศึกษา ด้านจิตวิทยา และด้านการสังคมสงเคราะห์ ด้านละ 2 คน และผู้แทนเด็กและเยาวชนที่ได้รับการคัดเลือกจากสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย ชาย 1 คน หญิง 1 คน โดยให้อธิบดีกรมอนามัย เป็นกรรมการและเลขานุการ

4. กำหนดให้คณะกรรมการการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น มีอำนาจหน้าที่เสนอนโยบายและยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นต่อคณะรัฐมนตรี ประสานงาน ติดตาม ประเมินผล และร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐและหน่วยงานของเอกชนที่เกี่ยวข้อง ให้มีการปฏิบัติตามนโยบายแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ตลอดจนกำหนดระเบียบและวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น การป้องกัน การช่วยเหลือ การแก้ไข และการเยียวยาปัญหาอนามัยการเจริญพันธุ์ของวัยรุ่นให้เป็นไปอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม รวมทั้งการป้องกันการใช้ความรุนแรงทางเพศ การกระทำความผิดเกี่ยวกับเพศ และการป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น

5. กำหนดให้นโยบายและยุทธศาสตร์การป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นอย่างน้อยต้องมีสาระสำคัญเกี่ยวกับมาตรการเกี่ยวกับการได้รับข้อมูลข่าวสาร และความรู้เกี่ยวกับอนามัยการเจริญพันธุ์อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และเพียงพอต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับสิทธิทางเพศของตนเอง มาตรการเกี่ยวกับการได้รับบริการด้านอนามัยการเจริญพันธุ์จากรัฐอย่างทั่วถึงเสมอภาค และไม่เลือกปฏิบัติ รวมถึงมาตรการเกี่ยวกับการป้องกัน การช่วยเหลือ การแก้ไขและการเยียวยาปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นให้เป็นไปอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ทั้งนี้ การจัดทำนโยบายและยุทธศาสตร์ตามวรรคหนึ่ง ให้คำนึงถึงหลักการมีส่วนร่วมของประชาชน ประชาสังคมและวัยรุ่นในท้องถิ่นด้วย

6. กำหนดให้คณะกรรมการและคณะอนุกรรมการอาจออกคำสั่งเป็นหนังสือเชิญบุคคลใดมาให้ข้อเท็จจริง คำอธิบาย คำแนะนำ หรือความเห็นทางวิชาการได้ เมื่อเห็นควร และอาจขอความร่วมมือจากบุคคลใดเพื่อให้ส่งคำชี้แจง เอกสาร ข้อมูล หลักฐาน หรือวัตถุใดที่เกี่ยวข้องมาเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาได้

7. กำหนดบทกำหนดโทษสำหรับผู้ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการ โดยไม่มีเหตุหรือไม่อาจแสดงเหตุผลอันสมควร ตลอดจนกำหนดให้ในกรณีที่หน่วยงานใดของรัฐ ไม่ดำเนินการตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้ให้คณะกรรมการมีอำนาจเสนอเรื่องดังกล่าวต่อรัฐมนตรีเพื่อสั่งการให้หน่วยงานนั้นดำเนินการตามอำนาจหน้าที่