สปสช. จับมือ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ต่อเนื่อง “โครงการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีและการดูแลรักษากลุ่มชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย และกลุ่มพนักงานบริการหญิง ปีที่ 2” มุ่งลดผู้ติดเชื้อเอชไอวี 2 กลุ่มเสี่ยง หลับพบอัตราการติดเชื้อรายใหม่สูง เน้นสร้างความเข้าใจเพื่อเห็นความสำคัญการตรวจคัดกรอง การเข้าสู่ระบบการตรวจรักษาที่มีคุณภาพ และการป้องกันการถ่ายทอดไปยังผู้ที่ไม่ติดเชื้อ

ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน

ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ตามยุทธศาสตร์ป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์แห่งชาติ พ.ศ. 2557-2559 กำหนดเป้าหมายลดการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ 2 ใน 3 จากที่คาดประมาณในปี 2559 และตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ที่คาดประมาณจาก ADIS Epidemic Model ในช่วงปี 2558-2562 ที่ได้ทบทวนข้อมูลล่าสุด พบว่าจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ เป็นสัดส่วนจากการรับและถ่ายทอดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายถึงร้อยละ 50 และเป็นการติดเชื้อในกลุ่มพนักงานบริการร้อยละ 10

ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า จากข้อมูลดังกล่าว  ในปี 2557 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จึงได้ร่วมกับสำนักโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ดำเนิน “โครงการการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีและการดูแลรักษากลุ่มชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย และกลุ่มพนักงานบริการหญิง” เพื่อมุ่งลดอัตราการติดเชื้อเอชไอวี เพิ่มการคัดกรองการติดเชื้อและให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีเข้ารับการรักษาตั้งแต่แรกเริ่ม รวมถึงการป้องกันการถ่ายทอดไปยังผู้ที่ไม่ติดเชื้อของ 2 กลุ่มเสี่ยงดังกล่าว ซึ่งดำเนินการภายใต้กรอบแผนยุติปัญหาเอดส์ชาติในประเทศไทย และปี 2558 นี้ ได้ดำเนินโครงการร่วมกันเป็นปีที่ 2 เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องการป้องกันและลดผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่

“จากผลดำเนินโครงการในปี 2557ทำให้การควบคุมป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีและการเข้าถึงการรักษาในกลุ่มเสี่ยงมีความคืบหน้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการสร้างความต้องการใช้บริการตรวจการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การสร้างความรู้ความเข้าใจและความตระหนักต่อพฤติกรรมเสี่ยง เห็นความสำคัญและประโยชน์ของการตรวจการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ เหล่านี้ล้วนเป็นหัวใจสำคัญของงานป้องกันและการทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงรักษา ผ่านการทำงานเชิงรุกร่วมกับเจ้าหน้าที่ เครือข่ายกลุ่มชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย และกลุ่มเครือข่ายพนักงานหญิงบริการ” ประธานบอร์ด สปสช. กล่าว และว่า จากการดำเนินโครงการนี้ยังจะช่วยลดอัตราการติดเชื้อรายใหม่ภาพรวมของประเทศลดลงได้ 

  

นพ.วินัย สวัสดิวร

ด้าน นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสปสช. กล่าวว่า สปสช.เห็นความสำคัญต่อการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง ดังนั้นจึงได้อนุมัติงบประมาณในปี 2557 จำนวน 25 ล้านบาท และในปี 2558 จำนวน 12,002,447 บาท เพื่อสนับสนุนโครงการการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีและการดูแลรักษากลุ่มชายมีเพศสัมพันธ์ชาย และกลุ่มพนักงานบริการหญิง โดยมุ่งดำเนินการ 3 ด้าน ดังนี้ 1.การบริการ อาทิ การสร้างความต้องการในการตรวจเชื้อเอชไอวี และการให้บริการสุขภาพ ทั้งการตรวจการติดเชื้อเอชไอวี การคัดกรอง การตรวจรักษา 2.งานพัฒนาและประกันสุขภาพ อย่างเช่น การพัฒนาเจ้าหน้าที่เพื่อทำงานเชิงรุก การพัฒนาคุณภาพบริการสุขภาพ การให้บริการตรวจคัดกรองรักษาที่มีคุณภาพ และ 3.งานด้านบริการจัดการ ได้แก่ การวางแผนงานร่วมกัน การเชื่อมโยงการป้องกันสู่ระบบการดูแลรักษา การจัดระบบติดตามการดำเนินงานร่วมกัน

“นอกจากงานด้านการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ สปสช.ให้ความสำคัญ โดยได้กำหนดสิทธิประโยชน์ยาต้านไวรัสเพื่อให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ยังได้สนับสนุนงานด้านการป้องกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมานอกจากการกำหนดสิทธิประโยชน์การตรวจและคัดกรองการติดเชื้อแล้ว ยังสนับสนุนการสร้างกลไกป้องกันในกลุ่มเสี่ยงต่างๆ โดยจับมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งปัญหาเอดส์และเอชไอวี โดยเฉพาะงานป้องกันไม่ได้เป็นงานของหน่วยงานใดเพียงหน่วยงานหนึ่ง แต่เป็นงานที่ทุกคนต้องร่วมกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามแผนยุทธศาสตร์เอดส์ชาติ” เลขาธิการ สปสช. กล่าว