ศิริราชขาดแคลนเลือดสำรองอย่างหนักทุกหมู่ ไม่เพียงพอต่อความต้องการผู้ป่วย ระบุใช้วันละ 150-200 ยูนิตต่อวัน แต่การบริจาคต่อวันน้อยกว่าปริมาณที่ใช้ หวั่นกระทบผู้ป่วยรอคิวผ่าตัด เผยกรุ๊ปเอและกรุ๊ปบีขาดแคลนหนักสุด เชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคได้ทุกวันที่ศาลาศิริราช 100 ปี 
       
8 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ ธนาคารเลือด รพ.ศิริราช แจ้งว่ากำลังอยู่ในภาวะขาดแคลนเลือดสำรองทุกหมู่ หรืออีกนัยหนึ่งคือธนาคารเลือดไม่มีเลือดเพียงพอกับความต้องการของผู้ป่วย จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมกันบริจาคเลือด ได้ที่ ศาลาศิริราช 100 ปี วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 18.00 น. และวันเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30 - 16.00 น. สอบถามรายละเอียดได้ที่ ภาควิชาเวชศาสตร์การธนาคารเลือด 02-419-8081 ต่อ 123, 128
       
รศ.พญ.ปาริชาติ เพิ่มพิกุล หัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์การธนามคารเลือด คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า โดยปกติ รพ.ศิริราชเปิดรับบริจาคโลหิตเอง เพื่อนำมาใช้ในการรักษาดูแลผู้ป่วย เนื่องจากเราเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ถึง 2,000 เตียง จึงมีการใช้เลือดต่อวันเป็นจำนวนมากคือหลายร้อยยูนิต และต้องมีการสำรองเลือดไว้ให้ใช้ได้อย่างน้อย 4-5 วัน การจะรบกวนขอให้สภากาชาดไทยช่วยส่งเลือดให้ตลอดคงไม่สามารถทำได้ เพราะสภากาชาดไทยต้องดูแลส่งเลือดให้แก่โรงพยาบาลทั่วประเทศ แต่มีบ้างบางครั้งที่เกิดเหตุฉุกเฉิน สภากาชาดไทยก็มีการส่งเลือดมาช่วย รพ.ศิริราช ซึ่งขณะนี้เลือดสำรองในคลังของธนาคารเลือด รพ.ศิริราช ลดลง โดย รพ.ศิริราชใช้เลือดประมาณ 150-200 ยูนิตต่อวัน แต่อัตราการรับบริจาคเลือดเข้ามามีไม่ถึง 150 ยูนิตต่อวัน ทำให้เลือดในคลังขณะนี้ไม่คล่องมือ จึงต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่มีสุขภาพแข็งแรงช่วยกันเข้ามาบริจาคโลหิต ซึ่ง รพ.ศิริราช เปิดรับบริจาคทุกวัน 
       
"การใช้เลือดส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยที่อยู่ตามวอร์ดต่างๆ การรักษาโรคเลือด คนไข้ทั่วไปและผู้ป่วยนอกประมาณ 60% และการผ่าตัดอีก 40% ซึ่งหากเราไม่สามารถหาเลือดได้เพียงพอจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้ป่วยเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นอาจจะต้องใช้เลือดเพื่อช่วยเหลือคนไข้ที่ต้องผ่าตัดด่วนและผู้ป่วยฉุกเฉินที่มาโอพีดีก่อน ถัดมาคือผู้ป่วยที่มีกำหนดรอการผ่าตัด ดังนั้น จึงอยากขอให้ประชาชนร่วมกันช่วยบริจาคโลหิต เนื่องจากผู้ป่วยที่รอการผ่าตัดเขารอมานานเป็นเดือน หากไม่มีเลือดเพียงพอในวันที่ต้องมาผ่าตัดก็จะได้รับผลกระทบอย่างมาก ซึ่งเราพยายามทะนุถนอมให้การผ่าตัดเป็นไปตามกำหนด ซึ่งขณะนี้กรุ๊ปเลือดที่มีปัญหามากคือ กรุ๊ปเอ และกรุ๊ปบี เนื่องจากช่วงนี้คนไข้มีการใช้เลือด 2 กรุ๊ปนี้ไปจำนวนมาก" รศ.พญ.ปาริชาติ กล่าว