คนไทยป่วยกระดูกสันหลังคดมากขึ้น กว่า 80% ไม่ทราบสาเหตุ กรมการแพทย์เผยขายาวไม่เท่ากันมีโอกาสเสี่ยงเป็นเช่นกัน ระบุเป็นแล้วทำให้กระดูกสันหลังจะบิดออกด้านข้าง สะโพก เอว ไหล่ ไม่เท่ากัน เกิดอาการปวดเรื้อรัง เตือนพบแพทย์รักษา พร้อมแนะวิธีสังเกต

นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวภายหลังเปิดประชุมวิชาการประจำปีโรงพยาบาลเลิดสิน ครั้งที่ 17 ว่า ผู้ป่วยกระดูกสันหลังคดในไทย พบมาก 2 - 3% ของประชากร เฉพาะที่ รพ.เลิดสิน พบผู้ป่วยเข้ารักษาปี 2554 - 2556 ถึง 2,500 ราย กว่า 80% ของผู้ป่วยไม่พบสาเหตุ มีเพียงส่วนน้อยที่ทราบ เช่น ขายาวไม่เท่ากัน สมองพิการ หรือความผิดปกติแต่กำเนิด เป็นต้น จากสถิติพบได้เท่ากันในเพศชายและหญิง แต่เพศหญิงมักจะมีการคดงอของกระดูกมากกว่า และพบว่าผู้ป่วยกระดูกคดช่วงอายุ 10 - 15 ปี ประมาณ 10% ได้รับการถ่ายทอดมาจากกรรมพันธุ์
       
นพ.สุพรรณ กล่าวอีกว่า กระดูกคดเกิดจากภาวะกระดูกสันหลังโค้งงอไปทางด้านซ้ายหรือด้านขวาจนผิดปกติ ซึ่งทั่วไปจะโค้งงอไปด้านหน้าและหลังในระดับที่สมดุลกับร่างกาย เมื่อมองจากด้านข้างจะเป็นรูปตัว S แต่ถ้ามองจากด้านหลังจะเป็นแนวเส้นตรง แต่ผู้ป่วยกระดูกสันหลังคดจะบิดหรือผิดรูปออกทางด้านข้าง ทำให้สะโพก เอว และไหล่ของผู้ป่วยไม่เท่ากัน สำหรับอาการของผู้ป่วย คือ ปวดบริเวณ หลัง เอว และคอเรื้อรัง เนื่องจากกล้ามเนื้อในแต่ละส่วนแบกรับน้ำหนักไม่เท่ากัน รวมทั้งมีอาการเหนื่อยง่าย เนื่องจากกระดูกหน้าอกไปกดทับปอดมากกว่าปกติ ในกรณีที่มีความคดของกระดูกเล็กน้อย แพทย์จะนัดตรวจเพื่อติดตามอาการสม่ำเสมอและให้ผู้ป่วยใส่เสื้อเกราะให้รัด กระชับ เพื่อดัดกระดูกสันหลัง ป้องกันไม่ให้กระดูกสันหลังคดมากขึ้น
       
“ผู้ป่วยต้องใส่เสื้อเกราะประมาณ 23 ชั่วโมงต่อวัน และใส่จนกว่าผู้ป่วยหยุดการเจริญเติบโต และค่อยๆ ลดจำนวนชั่วโมงที่ใส่ลงจนแน่ใจว่า กระดูกสันหลังไม่คดมากขึ้น ส่วนการรักษาด้วยการผ่าตัดจะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีกระดูกคดมากกว่า 45 องศา โดยการใช้โลหะดามกระดูกสันหลังให้ตรงขึ้น และเชื่อมข้อกระดูกสันหลังให้ติดแข็งในแนวที่จัดไว้ ซึ่งหลังผ่าตัดควรงดกิจกรรมที่เคลื่อนไหวด้วยกระดูกสันหลังประมาณ 6-9 เดือน เช่น ก้ม บิดตัว แล้วจึงออกกำลังกายที่ไม่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ” อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว
       
นพ.สุพรรณ กล่าวด้วยว่า วิธีสำรวจตนเองง่ายๆ ว่า มีอาการกระดูกสันหลังคดหรือไม่ ให้สังเกตความสูงของระดับหัวไหล่ ความนูนของกระดูกสะบัก และระดับแนวกระดูกสะโพกของร่างกาย ซึ่งมักจะมีระดับสูง - ต่ำไม่เท่ากัน หรือทดสอบโดยการยืนให้เท้าชิดกันและให้ก้มไปด้านหน้า ใช้มือทั้ง 2 ข้างแตะให้ถึงพื้น จะเห็นความนูนของหลังไม่เท่ากัน ซึ่งหากมีอาการผิดปกติดังกล่าวให้พบแพทย์ เพราะหากผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ถูกต้องจะช่วยให้กลับมาใกล้เคียงภาวะปกติได้