ลุ่มๆ ดอนๆ มาพักใหญ่กับการจัดจ้างแบบใหม่ของกระทรวงสาธารณสุข จากลูกจ้างชั่วคราวเงินบำรุงของโรงพยาบาลมาเป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข หรือ พกส. จนสามารถบรรจุได้แสนกว่าอัตรา แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องสิทธิ สวัสดิการ และเรื่องของค่าตอบแทนมาตลอด โดยในส่วนของผู้มีอำนาจก็ได้แต่คอยบอกว่าใจเย็นๆ ระเบียบข้าราชการต้องรอรอบการตกเบิก ล่าสุดมีการตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พกส. พนักงานกระทรวงสาธารณสุข เป็นหลักประกันในกรณีตาย ออกจากงาน เกษียณอายุ หรือลาออกจากกองทุน เรียกว่าเป็นการแก้ปัญหากันไปทีละเปลาะๆ
จากวันแรกจนถึงวันนี้ ความคิด ความรู้สึกของผู้ที่อยู่ในข่ายการจ้างงานแบบใหม่ที่ผ่านมาปรับปรุงระบบระเบียบมาตลอด อย่าง นายพิษณุศักดิ์ อาจโยธา อายุ 26 ปี เจ้าพนักงานสาธารณสุข โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลดงมอน จังหวัดมุกดาหาร ก็ได้เล่าให้ฟังว่าตัวเขานั้นจบการศึกษาเมื่อปี 2552 ซึ่งมีโควตาได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงสาธารณสุขรอบปีนี้ด้วยเหมือนกัน แต่ในเรื่องของการดำเนินการบรรจุข้าราชการของกระทรวงฯ นั้นยังไม่สามารถเดินต่อไป เพราะตอนนี้ปัญหาการบ้านการเมือง ก็เลยกังวลว่าจะไม่ได้รับสิทธิในการบรรจุเป็นข้าราชการเหมือนอย่างที่กระทรวงเคยบอกเอาไว้ แต่เราก็ยังเฝ้ารอด้วยความหวัง ดังนั้นตอนนี้จึงมีสถานภาพเป็นลูกจ้างชั่วคราวของกระทรวงสาธารณสุขเช่นเดิม
ถูกต้อง! นายพิษณุศักดิ์ บอกว่า เขาเลือกที่จะเป็นลูกจ้างชั่วคราวแทนการบรรจุเป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข เพราะเกรงว่าหากเลือกเป็น พกส. แล้วจะถูกตัดสิทธิการเป็นข้าราชการออกไป ที่สำคัญคือการพรีเซนต์ของกระทรวงสาธารณสุขถึงข้อดีของการเป็นพกส. ที่บอกว่าจะมีสวัสดิการที่ดีกว่า เรื่องสัญญาจ้างที่ดีกว่า มีเครดิตความน่าเชื่อถือในการทำธุรกรรมต่างๆ ของ พกส.ย่อมก็ดีกว่าการเป็นลูกจ้างชั่วคราวแน่นอน แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะดีกว่ากันจริงๆ หรือไม่ เพราะจากการได้พบปะ หารือกับน้องๆ ที่ทำงานร่วมกันและเลือกบรรจุเป็น พกส.นั้นพบว่าในเรื่องเงินเดือนที่บอกว่าจะให้เพิ่มขึ้นมากกว่าการเป็นข้าราชการ 1.2 เท่า ตรงนี้ยังไม่มีการดำเนินการอะไร เรื่องสิทธิ สวัสดิการด้านอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน ณ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตามต่อไป
อย่างล่าสุดที่กระทรวงมีการตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ การเริ่มตรงนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะ พกส.ไม่มีเงินบำเหน็จ บำนาญ ก็ถือเป็นทุนสำรองในอนาคต แต่อย่างไรก็ตาม ตนยังเห็นว่า สิทธิต่างๆ ของพกส.ยังคงเป็นเรื่องสำคัญ น่าจะได้รับคล้ายๆ กับข้าราชการ อย่างกรณีที่ต้องจ่ายประกันสังคม พกส.โดนหักทุกเดือน และถ้าเงินเดือนขึ้นก็โดนหักเหมือนเดิม เป็นการตัดรายได้พกส. ไปทั้งๆ ที่เราไม่ได้ใช้ประโยชน์จากประกันสังคมอะไรมาก
“ถ้าสุดท้ายแล้วไม่ได้เป็นข้าราชการได้จริง คงต้องรอรอบการประเมินผลการทำงานเพื่อเป็น พกส. อีกครั้ง ตอนนี้ไม่เสียดาย ไม่ซีเรียสกับเรื่องนี้ แต่ซีเรียสกับการบรรจุเป็นข้าราชการมากกว่า เพราะพกส.ไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากเดิม การลาไปศึกษาต่อ หรืออะไรต่างๆ มันมีเงื่อนไขเยอะไปหมด ไม่ได้ดำเนินการง่ายๆ เหมือนกับการเป็นข้าราชการ ตัวอักษรมันดูดี แต่รายละเอียดมีเยอะกว่านั้น สิทธิการกู้ยืม เงินเดือนก็ยังเท่าเดิม บางจังหวัดรับเป็นเงินสด บางจังหวัดรับผ่านธนาคาร การรับเป็นเงินสดเครดิตความน่าเชื่อถือของบุคคลก็ไม่เพิ่มอยู่ดี” นายพิษณุศักดิ์ กล่าว
อีกด้านหนึ่งของผู้ที่ตัดสินใจเป็นเข้าเป็น พกส. ระหว่างรอการบรรจุเป็นข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข คือเจ้าพนักงานสาธารณสุขของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งออกตัวว่าขอสงวนสิทธิ์ในการเปิดเผยชื่อ นามสกุลจริง เพราะเกรงว่าจะได้รับผลกระทบในการทำงาน บอกว่า เป็นเจ้าพนักงานสาธารณสุขที่รพ.สต.แห่งนี้ตั้งแต่ที่เรียนจบเมื่อปี 2553 ที่นี่ต้องทำงานทุกอย่างเพราะเป็นสถานพยาบาลขนาดเล็กที่บุคลากรไม่เพียงพอที่จะให้บริการประชาชน
พนักงานกระทรวงสาธารณสุขคนนี้เล่าให้ฟังถึงสาเหตุที่ตัดสินใจเป็นพกส.ระหว่างที่รอการบรรจุเป็นข้าราชการ ว่า เป็นเพราะว่าตอนนั้นกระทรวงฯ เอาเรื่องจำนวนเงินค่าตอบแทนของพกส. ออกมาล่อใจ ถ้าคำนวณดูแลของตัวเองเหมือนจะได้รับเพิ่มประมาณ 2,000 บาท นี่เป็นภาพลักษณ์ที่สวยงามมาก แต่พอถึงการปฏิบัติจริงแล้วมันไม่ใช่ แต่ก็ไม่อาจจะคิดได้ว่านี่เป็นการหลอกลวงหรือไม่ เพราะไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากเดิม ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เงินเดือนที่บอกว่าจะขึ้นก็ไม่ขึ้น สวัสดิการ ค่าตอบแทนที่จะมาเสริมก็ยังคงเดิม เลยไม่เข้าใจว่าจะออกระเบียบมาทำไม ตอนนี้เลยไม่รู้ว่าตัวเองตัดสินใจถูกหรือเปล่า
“ก็มีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปเหมือนกันเมื่อเทียบกับลูกจ้างชั่วคราว คือการเป็น พกส.ก็มีสถานะเหมือนลูกจ้างประจำ มีเครดิตในการทำธุรกรรมได้น่าเชื่อถือมากขึ้น นี่คือสิ่งที่เปลี่ยน นอกนั้นไม่มีอะไรที่เปลี่ยน ได้รับเงินเดือนเท่าเดิมกับตอนที่เป็นลูกจ้าง เพียงแค่เปลี่ยนสถานะเท่านั้น เอกสารเงินเดือนแนบท้ายถูกยกเลิกไปหมดเราเลยไม่ได้รับการขึ้นเงินเดือน มีปรับขึ้นเฉพาะที่เราได้รับการพิจารณาความดีความชอบ สิทธิการรักษายังเป็นประกันสังคม ทั้งๆ ที่ทำงานอยู่กับหน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุขแท้ๆ แต่กลับต้องใช้สิทธิประกันสังคม”
พนักงานสาธารณสุขคนเดิมยังบอกอีกว่า ตรงนี้ทางผู้ใหญ่อาจจะไม่ได้หลอก เพราะตอนแรกเขาคาดหวังว่าจะบรรจุพกส.จำนวนหนึ่ง แต่พอสำรวจจริงๆ กลับพบว่าจำนวนเพิ่มขึ้นมาก และจำนวนเงินที่ใช้เพิ่มขึ้นหลายพันล้านเลยไม่มีเงินจ่าย ที่จริงเป็นความผิดของผู้ใหญ่ในกระทรวงฯ ที่คิดนโยบายนี้ออกมามากกว่า ความจริงแล้วการเป็นพนักงาน พกส. ควรทำออกมาเพื่อรองรับพวกที่รอบรรจุเป็นข้าราชการดีกว่า และลักษณะการจ้างงานควรใช้ระเบียบพัสดุมาจับ เพื่อที่ว่าไม่ใช่ใครก็สามารถสมัครเข้ามาทำงานที่สถานบริการได้ ความจริงเขามีระเบียบว่าใครสามารถบรรจุได้บ้าง แต่จริงๆ แล้วคิดว่าน่าจะให้โควตานักเรียนทุนที่เป็นบุคลากรที่โรงเรียนในระบบสาธารณสุขผลิตออกมา แต่นี่เล่นไม่เอามาทำคนก็รออยู่อีกเพียบ
อย่างไรก็ตาม อนาคตข้างหน้าตัวเขามั่นใจว่าได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการแน่ๆ ขอเพียงแต่การเมืองเข้าสู่ภาวะปกติเท่านั้น แต่ในฐานะที่ได้สัมผัสกับชีวิตการเป็นพกส. จึงอยากให้มีการปรับปรุงกฎระเบียบเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะเรื่องสวัสดิการ การรักษาพยาบาล เรื่องนี้เป็นเรื่องหลักที่มาก่อนเรื่องค่าตอบแทนด้วยซ้ำ เพราะว่าการรักษาจะให้เขามาเสียประกันสังคมมันไม่ใช่ เราเป็นกระทรวงสาธารณสุขยังต้องมาเสียประกันสังคมเหรอ น่าจะเป็นสิทธิเบิกได้ อย่างนี้ดีไหม มามองว่าเป็นกองทุนสิทธิเบิกได้ของ พกส. อย่างกองทุนที่กระทรวงกำลังตั้งเห็นว่าจะได้เรื่องของการเกษียณอายุการทำงาน แต่ตนยืนยันว่าเรื่องสวัสดิการควรเป็นเรื่องหลัก ส่วนเรื่องเงินค่าตอบแทนก็ควรต้องพิจารณาเพิ่ม แต่ค่าตอบแทนต้องดูหลายอย่างเพราะว่ามันไปเกี่ยวกับเรื่องของเงินงบประมาณของประเทศ เงินรายได้ที่ได้รับมาเป็นอย่างไร ต้องดู แต่เรื่องของการรักษาพยาบาลน่าจะทำได้
- 861 views