เครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข พร้อมใจแต่งชุดดำไว้อาลัยให้ผู้เสียชีวิตจากเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกับเด็ก ชี้เป็นเหตุการณ์ความสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้น และร่วมกันออกแถลงการณ์ประณามผู้ใช้ความรุนแรง และเรียกร้องให้รัฐบาลต้องรับผิดชอบ จี้ “นายกฯปู” ใช้หัวใจความเป็นแม่แก้ปัญหานี้ ลั่นพุธนี้เคลื่อนไหวทั่วปท. 


       

วันนี้ (24 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.15 น.ที่โถงเกียรติยศ โรงพยาบาลศิริราช เครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ประกอบด้วย 7 สภาวิชาชีพ  9 คณบดีคณะแพทยศาสตร์ 13 คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ 2 คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ ประชาคมสาธารณสุข และข้าราชการบำนาญ พร้อมใจกันแต่งชุดสีดำเพื่อไว้อาลัยต่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น พร้อมร่วมกันออกแถลงการณ์ประณามการใช้ความรุนแรง รัฐบาลต้องรับผิดชอบ ซึ่งภายในงานได้มีการยืนไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิตเป็นเวลา 1 นาทีด้วย       

ทั้งนี้ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ความรุนแรงและสูญเสียนี้เริ่มตั้งแต่ พ.ย.2556 มีประขาชนชาวไทยที่เป็นผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตแล้ว 20 ราย และมีผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเกือบ 1,000 คน นี่เป็นความสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้ สิ่งที่น่าเศร้าใจและสังเวชใจคือ เหตุการณ์ความรุนแรงที่จังหวัดตราดและบริเวณแยกราชประสงค์ โดยเหตุการณ์ที่ จ.ตราด ทำให้มีเด็กหญิงอายุ 5 ขวบ ถูกยิงเสียชีวิต ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับการชุมนุม และอีกรายเป็นเด็กหญิงถูกยิงที่ศีรษะอายุ 5 ปี มีอาการสมองตายที่ รพ.ระยอง ส่วนเหตุการณ์ที่ราชประสงค์มีผู้เสียชีวิต 3 ราย เป็นเด็กอายุ 4 ขวบ และ 6 ขวบพี่น้อง เสียชีวิตโดยมีบาดแผลเปิดที่ศีรษะจากระเบิด และเด็กอีกรายบาดเจ็บจากถูกแรงกระแทกจากระเบิดอาการสาหัส รักษาตัวอยู่ รพ.รามาธิบดี ทั้ง 2 เหตุการณ์ไม่ควรเกิดในประเทศ เป็นเหตุการณ์ที่นำมาสู่ความเสียใจ ประชาชนทั้งประเทศรับไม่ได้ ที่เกิดความสูญเสียกับเด็ก ที่สำคัญเป็นเด็กเล็กที่ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม แต่พ่อแม่พาไปใกล้เคียงพื้นที่ชุมนุมเท่านั้น ครั้งนี้เครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขจึงร่วมกันประณามความรุนแรงและหาผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
       
“เราขอประณามความรุนแรงและรัฐบาลต้องรับผิดชอบ ซึ่งจากนี้ไปเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขคงจะออกมาเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ โดยวันที่ 26 ก.พ.นี้ จะมีกิจกรรมดำเนินการในรูปแบบเครือข่ายบุคลากรทั้งในส่วนกลาง มหาวิทยาลัย คณะแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ ฯลฯ ทั้งใน กทม.และโรงพยาบาลทุกแห่งในต่างจังหวัดรวม 800 กว่าแห่ง ในเวลา 12.00 น. สำหรับการใส่ชุดดำในวันนี้เป็นการแสดงความรู้สึกทุกข์ใจ เพราะไม่อยากให้เกิดความสูญเสีย ” ปลัด สธ.กล่าว
       
ดร.กฤษดา แสวงดี อุปนายกสภาการพยาบาลคนที่ 2 กล่าวว่า จากที่เห็นคลิปทางโซเชียลมีเดียที่มีการอุ้มร่างเด็ก 2 คนโชกเลือดขึ้นรถพยาบาล แม้ไม่ใช่ลูกหลานของเรา แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้พวกเราต้องหลั่งน้ำตา เพราะหากเป็นลูกหลานของพวกเราจะทำเช่นไร และนี่พ่อแม่ต้องมาสูญเสียลูกพร้อมกันถึง 2 คน วันนี้เราต้องสูญเสียกับเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น คือเพียงพาลูกไปชอปปิ้งตามปกติในเมืองหลวงแต่กลับเกิดความรุนแรงขึ้น ในฐานะผู้หญิง บุคลากรทางการแพทย์ สถาบันทางการศึกษา ขอเรียกร้องทุกภาคส่วนให้ยุติความรุนแรง ก่อนที่จะสูญเสียอนาคตของประเทศชาติไปมากกว่านี้ และขอเรียกร้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ใช้หัวใจความเป็นแม่แก้ปัญหาในเรื่องนี้ และยุติความรุนแรง 
       
ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา รองคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ในฐานะตัวแทนคณะแพทยศาสตร์ 9 สถาบัน กล่าวว่า คณะแพทยศาสตร์เรามีพันธกิจร่วมกันผลิตแพทย์ให้เป็นคนดีในสังคม รู้จักรับผิดชอบชั่วดี และต้องกล้าแสดงความเห็นที่เหมาะที่ควร ขณะนี้คณะแพทยศาสตร์ทั้ง 9 แห่ง คณาจารย์อยากสร้างแพทย์ที่ดีไปช่วยประเทศ และอยากเชิญชวนคนที่ไม่อยู่ในวิชาชีพแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งมีจิตวิญญาณคนไทยให้ออกมาแสดงความถูกต้อง เพราะหากเรานิ่งเฉยไม่ทำอะไร คนเสียหายจะไม่ใช่คนที่ไปร่วมชุมนุมเท่านั้น แต่รวมถึงลูกหลานของพวกเราด้วย เราจึงขอยืนยันที่จะผลิตแพทย์ที่ดีในสังคมและชี้ให้เห็นสิ่งผิดชอบชั่วดี และเลิกเกรงกลัวต่ออำนาจใดๆ
       
นพ.พิษณุ ขันติพงษ์ ผอ.รพ.น่าน ในฐานะตัวแทนเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์ฯ กล่าวว่า จากวิกฤตการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองหลายเดือนที่ผ่านมา ได้นำไปสู่เหตุการณ์ความรุนแรงหลายครั้งและต่อเนื่อง จนทำให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิต และร่างกายของประชาชน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่มีการอาวุธสงครามกราดยิงประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่มาชุมนุมโดยสงบ ที่จังหวัดตราด และเหตุการณ์ล่าสุดที่ราชประสงค์ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขขอแสดงความเสียใจต่อผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอแสดงจุดยืนผ่านแถลงการณ์ดังต่อไปนี้ 1.ขอประณามผู้ส่งการ และผู้กระทำเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น รวมถึงทุกฝ่ายที่มีแนวคิดที่จะใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ 2.รัฐบาลรักษาการต้องจริงจังและจริงใจในการระงับเหตุความรุนแรงที่เกิดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการหาผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว และดำเนินการควบคุม ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอีกต่อไป มิฉะนั้น รัฐบาลรักษาการจะต้องรับผิดชอบขั้นสูงสุด หากไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดได้จะต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก