ใครจะรู้ว่า...วันนี้ ประเทศไทยก็มีสถานีวิจัย หรือแหล่งผลิตยาและวัคซีนขนาดใหญ่ ที่พร้อมปฏิบัติงานในการป้องกันภัยด้านสุขภาพให้กับคนไทย เหมือนกับประเทศที่พัฒนาแล้วหลายๆ ประเทศ
"จีพีโอ-เอ็มบีพี" (GPO-MBP) หรือบริษัท องค์การเภสัชกรรม เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด ที่ตั้งขึ้นในเนื้อที่ 24,000 ตารางเมตร ภายในนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศ เพราะเป็นโรงงานที่ร่วมทุนระหว่างคนไทยและคนต่างชาติ ประกอบด้วย องค์การเภสัชกรรม (อภ.) หน่วยงานรัฐวิสาหกิจในกำกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีสัดส่วนการลงทุน ร้อยละ 49 บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด ร้อยละ 2 และบริษัท ซาโนฟี่ ปาสเตอร์ ร้อยละ 49 และใช้พนักงานคนไทยเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์
โรงงานแห่งนี้ก่อตั้งตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อปลายปี 2540 ด้วยทุนแรกเริ่มประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อสร้างความมั่นคงด้านวัคซีน และให้การสนับสนุนวัคซีนคุณภาพกับแผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของประเทศและของโลก
"องค์การอนามัยโลกระบุว่า วัคซีนจัดเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันโรค ทั้งยามระบาดและยามปกติ ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องพึ่งพาตัวเองด้วยการผลิตวัคซีนใช้เองในประเทศ..."ภก.สมชาย ศรีชัยนาค รองผู้อำนวยการ อภ. กล่าวระหว่างเปิดให้สื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมโรงงานเป็น ครั้งแรก หลังประสบความสำเร็จในการวิจัยพัฒนาเป็นเวลา 13 ปี
ภก.สมชายบอกว่า ที่ผ่านมาโรงงานแห่งนี้ทำหน้าที่นำหัวเชื้อวัคซีนมาจากต่างประเทศ เพื่อนำมาผลิตเองในประเทศไทย แต่จากการพัฒนาตนเอง ทำให้เพิ่มขีดความสามารถและพัฒนาวัคซีนได้เอง ทั้งวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบี วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า โดยเฉพาะ ในปี 2553 องค์การอนามัยโลกได้ให้การรับรองคุณภาพวัคซีนป้องกันโรคหัด ซึ่งนับเป็นวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทยที่ผ่านการรับรองขององค์การอนามัยโลกอย่างสมบูรณ์เป็นรายแรก ทำให้ประเทศไทยเป็น 1 ในประเทศที่สามารถส่งออกวัคซีนป้องกันโรคหัดให้กับองค์กร และหน่วยงานต่างๆ ของสหประชาชาติได้
ในปี 2554 โรงงานแห่งนี้ยังได้รับการรับรองหลักเกณฑ์มาตรฐานวิธีการผลิตที่ดี (GMP) ในการผลิตวัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบเจอี จาก Therapeutic Goods Administration (TGA) หน่วยงานของประเทศออสเตรเลีย ที่มีความเข้มงวดในการให้การรับรองเทียบเท่ามาตรฐานของสหรัฐอเมริกา และล่าสุดได้ยื่นขอขึ้นทะเบียนกับองค์การยูนิเซฟ ในการจัดส่งวัคซีนไข้สมองอักเสบเจอีสำหรับเด็ก เพื่อให้ยูนิเซฟเป็นผู้กระจายวัคซีนไปยังประเทศต่างๆ คาดว่าจะขึ้นทะเบียนได้ภายในปี 2557
ภญ.พัชรา คูถิรตระการ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายคุณภาพ ทะเบียนตำรับ และการประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐ ของ จีพีโอ-เอ็มบีพี ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การพัฒนาและผลิตวัคซีนจะมุ่งเน้นภายในประเทศเป็นหลัก แต่การขยายการผลิตเพื่อนานาประเทศก็เป็นสิ่งจำเป็น จึงมีการพัฒนาคุณภาพการผลิตมาตลอด มีองค์การอนามัยโลกให้การรับรองมาตรฐาน มีสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจสอบคุณภาพทุกปี ขณะที่โรงงานเองก็มีความเข้มงวดในมาตรฐานความปลอดภัย การปลอดเชื้ออย่างสม่ำเสมอ และในทุกๆ ปีจะมีการปิดโรงงานเพื่อซ่อมบำรุงเชิงป้องกัน เพื่อให้มาตรฐานคงที่ต่อเนื่อง
นับจากจีพีโอ-เอ็มบีพีประสบความสำเร็จในการผลิตวัคซีนเพื่อเด็กไทยและยังประโยชน์ถึงต่างชาติ อย่างไข้สมองอักเสบเจอี และวัคซีนโรคหัดที่ได้มาตรฐานสากล ล่าสุดยังอยู่ระหว่างการพัฒนาวัคซีนรวม ได้แก่ คอตีบ ไอกรนชนิดไร้เซลล์ บาดทะยัก และตับ อักเสบบี จากเดิมจะเป็นวัคซีนเดี่ยวที่ทำให้ต้องฉีดหลายครั้งหลายเข็ม แต่ในอนาคตจะเป็นวัคซีนรวมในเข็มเดียว โดยประเทศไทยได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากบริษัท ซาโนฟี่ ในการตัดต่อพันธุกรรม เลือกใช้แอนติเจนที่เป็นสารสำคัญในการออกฤทธิ์ ที่มีความบริสุทธิ์มากกว่าใช้เชื้อโรค หรือการเพาะเลี้ยงเซลล์ ทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อผู้ใช้น้อยที่สุด
นับเป็นอีกหนึ่งความหวังของคนไทย...
ผู้เขียน : วารุณี สิทธิรังสรรค์ email : catcat_2927@hotmail.com
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 3 พฤศจิกายน 2556
- 169 views