เหตุท่อส่งน้ำมันดิบ ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC รั่วไหลกลางทะเล เช้าวันที่ 27 ก.ค.56 เพียงข้ามคืน คราบน้ำมันได้กระจายตัว ถูกกระแสลมพัดขึ้นชายฝั่งอ่าวพร้าว ภาพความเสียหาย เปลี่ยนชายหาดขาว น้ำทะเลใส เป็นทะเลสีดำ กระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยว และค้าขายอาหารทะเลทันที เพราะคำเดียว 'กลัว' สารเคมีจากน้ำมันดิบ ที่แม้วันนี้ สถานการณ์จะคลี่คลายเกือบปกติ
ในช่วงนั้น ได้เกิดร้านอาหารศรีบ้านเพ ที่ลูกค้าจะแน่นร้านทุกสุดสัปดาห์ แต่กลับเงียบเหงา
นางแพน ยอดชัยพร ผู้จัดการร้าน ศรีบ้านเพ เผยกับไทยรัฐออนไลน์ว่า ตั้งแต่เกิดเหตุน้ำมันรั่ว รวม 7 วัน ยอดขายที่ร้านลดลงอย่างต่อเนื่องรวม 70% โดยเฉพาะในช่วงสุดสัปดาห์ ตั้งแต่วันศุกร์ จนถึงวันอาทิตย์ หากเป็นช่วงสถานการณ์ปกติ จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามารับประทานอาหารแน่นร้าน แต่สัปดาห์นี้นับแต่เกิดเรื่องแทบไม่มีลูกค้าเลย คงกลัวว่าอาหารทะเลจะได้รับสารปนเปื้อนจากน้ำมันดิบ เพราะมีลูกค้าโทร.เข้ามาสอบถามแทบทุกวัน
"ยืนยันได้ว่า อาหารทะเลที่ร้าน และที่บ้านเพ ปลอดภัยแน่นอน เพราะของทะเลที่เลือกซื้อจากเรือประมงที่ออกหากลางทะเลน้ำลึก และเป็นคนละฝั่งกับจุดที่เกิดเหตุ" นางแพน กล่าว
นางแพน บอกว่า แม้ว่าช่วงนี้ลูกค้าจะลดลงมาก แต่ราคาอาหารทะเลกลับปรับตัวสูงขึ้น เพราะเรืองดออกทะเลทำให้อาหารทะเลบางชนิดหายาก เช่น กุ้งลายเสือ ปกติราคา 500 บาท/กก. ตอนนี้ปรับขึ้นเป็น 700 บาท/กก.แต่ทางร้านก็ยังไม่คิดจะปรับราคาค่าอาหาร ยิ่งในสถานการณ์อย่างนี้ด้วยแล้ว การขึ้นราคาอาหารยิ่งทำได้ยาก
"ร้านคงรับสถานการณ์แบบนี้ได้เต็มที่ 1 เดือน อยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งคลี่คลายสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติให้เร็วที่สุด และฟื้นความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยว จ.ระยอง กันเหมือนเดิมอีกครั้ง" ผู้จัดการร้านกล่าว
"ไทยไม่ช่วยไทย แล้วใครจะช่วย คงใช้ได้ดีกับสถานการณ์นี้" เป็นคำที่ นายทรงวุฒิ โชติกาญจนวิทย์ หนึ่งในลูกค้าร้านอาหารศรีบ้านเพ บอกกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
นายทรงวุฒิ มั่นใจว่าอาหารทะเลที่ระยองไม่มีสารตกค้างเพราะน้ำมันที่รั่วออกมาเป็นเพียง บางจุดเท่านั้น และหากว่ามีสารเคมีจริง สัตวทะเลก็น่าจะไม่รอด ดังนั้น ถ้าเลือกรับประทานอาหารทะเลสดๆ ก็ไม่น่าจะมีปัญหา
"ครั้งนี้เดินทางมาสำรวจที่พัก และร้านอาหาร เพื่อนำพนักงานบริษัทอีกกว่า 300 ชีวิต มาเที่ยวระยอง ยอมรับว่าบรรยากาศเงียบเหงามาก ปกติตลาดบ้านเพ รถจะติด แต่วันนี้กลับโล่ง ตอนนี้เราคงต้องช่วยกันสร้างความเชื่อมั่น อยากให้คนไทยมาเที่ยว มาช่วยกันกินอาหารทะเล ทำให้ระยองกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ขณะที่โรงแรม รีสอร์ตต่างๆ ก็ควรจะให้ความร่วมมือโดยการจัดโปรโมชั่น เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มากขึ้นด้วย "
เช่นเดียวกับนายกำพล คุ้มเกษม ที่กำลังบริโภคอาหารทะเล อย่างเอร็ดอร่อย บอกว่าเชื่อมั่นว่าอาหารทะเลไม่มีสารเคมีปนเปื้อน เพราะจุดที่น้ำมันรั่วคืออ่าวพร้าว ซึ่งบริเวณดังกล่าวไม่ใช่แหล่งประมง อีกทั้งชาวประมงคงไม่เลือกที่จะจับสัตว์น้ำบริเวณที่น้ำมันรั่วอยู่แล้ว
แต่หากผู้บริโภคไม่มั่นใจ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข มีคำแนะนำสำหรับการเลือกซื้ออาหารทะเลมาปรุงประกอบเพื่อจำหน่ายหรือเพื่อรับประทานเอง โดยห้ามนำสัตว์ทะเลเช่น กุ้งหอยปูปลาที่ตายในบริเวณดังกล่าวไปบริโภคหรือจำหน่าย โดยเด็ดขาด
หากจะเลือกซื้ออาหารทะเลมาจำหน่ายหรือบริโภคควรพิจารณาเลือกซื้อสัตว์ทะเลที่ยังมีชีวิตอยู่มาจำหน่ายหรือบริโภค ควรดมดูว่ามีกลิ่นน้ำมันติดมากับสัตว์ทะเลนั้นหรือไม่ หากมีก็แสดงว่ามีการปนเปื้อนมาจากแหล่งที่เกิดการรั่วไหลของน้ำมันดังกล่าว
สุดท้าย ต้องดูลักษณะของอาหารทะเล เพราะอาหารทะเลที่ดีควรมีความสดสะอาด เช่นปลาต้องเนื้อแน่นกดไม่บุ๋มไม่มีกลิ่นเหม็นคาวและกลิ่นน้ำมัน เกล็ดไม่มีรอยแยกหรือแตกออก เพราะอาจทำให้เชื้อโรคหรือสารเคมีปนเปื้อนในเนื้อปลาได้ง่าย หรือการเลือกซื้อกุ้งสด ต้องเนื้อแน่น ครีบและหางเป็นมัน สีสดใส ไม่มี กลิ่นคาว หัวกุ้งติดแน่นไม่หลุดออก
ทุกคนเฝ้าหวังว่าวิกฤติที่เกิดขึ้นกับเมืองหาดทะเลสวย น้ำใส อย่างเกาะสม็ด จ.ระยอง จะผ่านพ้นไปโดยเร็ว ชาวบ้านเพ ซึ่งเป็นจุดที่มีอาหารทะเลสด หวังว่าการลงพื้นที่ของ นายกรัฐมนตรี ไปตรวจสอบความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาคราบน้ำมันดิบ และแวะรับประทานอาหารทะเลสดจากเรือประมง จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการบริโภคอาหารทะเลในพื้นที่ อ.บ้านเพ และการท่องเที่ยว จ.ระยอง ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ที่มา: http://www.thairath.co.th
- 26 views