วงการแพทย์ทั่วโลกกำลังจับตาเฝ้าระวัง 3 ไวรัสร้ายตัวใหม่อย่างใกล้ชิด ได้แก่ "ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่", "ไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์เอช 7 เอ็น 9" และ "ไวรัสไข้หวัดนกเอช 5 เอ็น 1" ซึ่งเคยสร้างความหวาดผวาเมื่อ 10 ปีก่อน ไวรัสร้ายทั้ง 3 ตัวแพร่ระบาดกระจายไปหลายประเทศในหลากหลายรูปแบบ ทั้งจากสัตว์สู่สัตว์ สัตว์สู่คน และคนสู่คน ขณะที่ยังไม่มีวัคซีนหรือยารักษาโดยตรง องค์การอนามัยโลกย้ำเตือนว่า พวกมันคือมัจจุราชร้ายภาคล่าสุดสำหรับมวลมนุษย์ !!
โดยเฉพาะ "เชื้อโคโรนาไวรัส" ตัวใหม่ล่าสุด องค์การอนามัยโลกตั้งชื่อให้ว่า โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง "MERS-CoV" (Middle East Respiratory Symptom coronavirus) หรือเรียกสั้นๆ ว่า "ไวรัสโคโรน่า 2012" รายงานเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พบผู้ป่วยติดเชื้อตัวนี้ 65 รายจาก 10 ประเทศ คือ จอร์แดน ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ อังกฤษ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฝรั่งเศส ตูนีเซีย อิตาลี และ เยอรมนี โดยเสียชีวิตไปแล้ว 39 ราย เป็นสายพันธุ์เดียวกับไวรัสซาร์สที่เคยระบาดทั่วโลกเมื่อปี 2545 สามารถแพร่กระจายในอากาศจากคนสู่คน ครั้งนั้นทำให้มีผู้ติดเชื้อกว่า 8,000 ราย เสียชีวิตไป 774 ราย คิดเป็นอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 9.6 หากเปรียบเทียบกันแล้ว ไวรัสโคโรนาตัวใหม่รุนแรงกว่าหลายเท่า เพราะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตภายในไม่กี่วันในอัตราสูงกว่าถึงกว่าร้อยละ 50
ปริศนาของไวรัสตัวนี้อยู่ที่ความเป็นมาและต้นตอ นักวิทยาศาสตร์ยังไม่แน่ใจว่าเชื้อไวรัสตัวใหม่นี้ระบาดมาจากต้นตอใด รู้เพียงว่ามีรายงานพบผู้ป่วยรายแรกเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2555 เป็นชายซาอุฯ วัย 60 ปี ...แต่ผู้ป่วยทุกคนล้วนอาศัยหรือเดินทางมาจากตะวันออกกลาง
ขณะที่ ไวรัสไข้หวัดนกตัวใหม่ล่าสุดสายพันธุ์เอช 7 เอ็น 9 (H7N9 Bird Flu) นั้น แพร่ระบาดมาจากเมืองจีน เริ่มที่นครเซี่ยงไฮ้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รายงานล่าสุดยังคงพบเพียงในจีนและไต้หวัน มีผู้ป่วยยืนยันทั้งหมด 131 ราย เสียชีวิต 38 ราย ความแปลกประหลาด คือสัตว์ปีก "ไก่ เป็ด และนกพิราบ" ตัวการสำคัญเผยแพร่เชื้อร้ายตัวนี้ไม่มีอาการป่วยหรือตาย แต่ถ้ามนุษย์รับเชื้อเข้ามาเพียงไม่กี่วัน จะมีไข้สูงจัด ปวดเมื่อยเนื้อตัวไม่มีเรี่ยวแรง บางคนมีอาการท้องเสียติดต่อกันหลายวัน หากไม่รีบไปพบแพทย์อาจเสียชีวิตได้ โชคดียังไม่พบหลักฐานชี้ชัดว่าเชื้อตัวนี้แพร่กระจายจาก "คนสู่คน"
ปริศนาของเอช 7 เอ็น 9 คือ วิธีการแพร่เชื้อและแหล่งที่มา เซลล์ของไวรัสส่วนใดกลายพันธุ์ไปจนทำให้เกิดพิษร้ายแรงเช่นนี้ขึ้น มีอัตราเสียชีวิตประมาณร้อยละ 30
สำหรับ "ไข้หวัดนกเอช 5 เอ็น1" ที่แพร่ระบาดตั้งแต่ปี 2546 นั้น ยังคงมีรายงานการพบต่อเนื่องทุกปี แม้จำนวนจะไม่มากนัก โดยแพร่ระบาดไป 15 ประเทศ พบผู้ป่วยทั่วโลก 622 ราย เสียชีวิต 371 ราย เฉพาะในปี 2556 มีรายงานผู้ป่วย 12 ราย เสียชีวิต 11 ราย ใน 3 ประเทศ ได้แก่ อียิปต์ จีน และกัมพูชา ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ที่ผ่านมา สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานข่าวพบฟาร์มไก่ติดเชื้อไวรัสเอช 5 เอ็น 1 จำนวน 35 ตัว ในทิเบต ทำให้จีนเร่งเข้าไปทำลายไก่ที่เหลือทิ้งทั้งสิ้นเกือบ 400 ตัว ถือเป็นรายงานข่าวที่สร้างความกังวลให้แก่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก
นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค อธิบายว่า ไวรัสร้ายประจำปีนี้มี 3 ตัว ซึ่งไข้หวัดนกสายพันธุ์เอช 7 เอ็น 9 และ เอช 5 เอ็น 1 นั้น ยังไม่ค่อยน่ากลัวมากนัก เพราะจำกัดอยู่แค่ในจีนกับไต้หวัน แต่ที่น่ากลัวคือโคโรนา 2012 ไวรัสพันธุ์ใหม่ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีอัตราการตายสูงถึง 50-60 เปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่เดินทางมาจากตะวันออกกลาง อาการเบื้องต้นคือปอดบวมรุนแรง
"ตอนนี้เมืองไทยมีแผนเฝ้าระวังเต็มที่ หากพบผู้ป่วยปอดบวมหาสาเหตุไม่ได้ หรือเดินทางกลับมาจากตะวันออกกลาง แพทย์จะประสานส่งเชื้อจากเสมหะในปอดมาตรวจทันทีว่าเป็นโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือไม่ โดยใช้เปรียบเทียบกับธนาคารยีน ซึ่งทั่วโลกได้แชร์ข้อมูลให้กันและกัน หากถอดรหัสดีเอ็นเอมาเปรียบเทียบแล้ว พบว่าเป็นเชื้อตัวนี้จะสั่งคุมพื้นที่ทันที แต่ที่ผ่านมายังตรวจไม่พบเชื้อตัวนี้ในประเทศไทย ทั่วโลกยังไม่มียารักษาโดยตรง ทำได้เพียงรักษาตามอาการเท่านั้น"
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคอุบัติใหม่ข้างต้น ยอมรับว่า มีข้อมูลของไวรัสมรณะตัวนี้น้อยมาก ไม่เคยตรวจพบมาก่อนในอดีต นักวิทยาศาสตร์ได้แต่เพียงคาดเดาว่าน่าจะแพร่ระบาดมาจาก "ค้างคาว" สู่คน แต่ไม่รู้ว่าจากคนสู่คนได้อย่างไร ประเทศไทยถือว่าปลอดภัยไม่ควรตื่นตระหนกเกินไป แต่ให้รักษาความสะอาด เช่น ล้างมือบ่อยๆ ใครมีอาการหวัดให้สวมใส่หน้ากากอนามัย ป้องกันการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น และใครที่เดินทางกลับจากประเทศแถวตะวันออกกลาง หากมีอาการป่วยต้องรีบแจ้งให้แพทย์ทราบทันทีว่ากลับมาจากประเทศอะไร เพื่อจะได้ช่วยกันเฝ้าระวังในเบื้องต้น
ทั้งนี้ มีเว็บไซต์บางแห่งปล่อยข่าวลือว่า เชื้อโคโรนา 2012 เป็นไวรัสที่หลุดออกมาจากห้องทดลอง หรืออาจเป็นอาวุธเชื้อโรคหรืออาวุธชีวภาพที่ฝั่งดินแดนอาหรับผลิตออกมาหวังทำลายศัตรูให้สิ้นซาก
ศ.นพ.อมร ลีลารัศมี ผู้เชี่ยวชาญเชื้อไวรัสและโรคติดเชื้อ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ยอมรับว่าเคยได้ยินข่าวลือข้างต้น แต่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะการทดลองเชื้อไวรัสในห้องแล็บจะมีระบบป้องกันหลายชั้น ส่วนเรื่องการผลิตเป็นอาวุธเชื้อโรคนั้น ส่วนตัวแล้วไม่เชื่อว่าจะมีใครกล้าเอาไวรัสมาทำ เพราะต้องเลี้ยงเพาะเชื้อไวรัสจำนวนหลายล้านๆ เซลล์ อาวุธเชื้อโรคส่วนใหญ่จะเป็นเชื้อแบคทีเรียมากกว่า เพราะราคาถูก เลี้ยงเชื้อไม่ยากสะดวกกว่า เช่น เชื้อแอนแทรกซ์
"ตอนนี้ยังไม่น่าห่วง เพราะเชื้อโคโรนาตัวใหม่มันยังเกาะติดเนื้อเยื่อไม่เก่ง จะติดจากคนสู่คนได้ต้องอยู่ใกล้ชิดและสูดหายใจลึกๆ เอาเชื้อเข้าไปถึงปอด ไม่เหมือนไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่สามารถเกาะติดเนื้อเยื่อตามจมูกหรือระบบทางเดินหายใจส่วนบนได้ทันที สาเหตุที่อัตราการตายสูงเพราะเชื้อถูกสูดเข้าไปในปอด มันจะทำร้ายได้รุนแรงกว่าเพราะอยู่ลึก กว่าคนไข้จะรู้ตัวแล้วมาหาหมอ อาการก็รุนแรงเกินเยียวยาแล้ว"
นพ.อมรฝากเตือนให้ผู้ที่จะเดินทางไปแสวงบุญประกอบพิธีฮัจญ์ที่นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ หากเป็นไปได้ให้สวมใส่หน้ากากอนามัยแบบพิเศษ หรือที่เรียกว่า "เอ็น 95" เพราะป้องกันเชื้อโรคได้ดีสุดราคาประมาณ 30 บาท ส่วนหน้ากากแบบเยื่อกระดาษนั้นจะป้องกันแค่ฝุ่นละอองทั่วไป เพราะมีช่องด้านข้างหรือด้านบน ไม่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้ พร้อมทิ้งท้ายว่า
สิ่งที่กังวลใจคือการเฝ้าระวังคือไม่ให้เชื้อโคโรนาตัวนี้กลายพันธุ์ หากมันพัฒนาให้เกาะเนื้อเยื่อเก่งขึ้นเมื่อไร ไวรัสตัวนี้ อาจกลายเป็นเชื้อมัจจุราชตัวจริงของมนุษย์โลก ?!!
หน้ากากอนามัย
การ "ไอ" และ "จาม" ทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปไกลถึง 3 ฟุต เชื้อโรคจะล่องลอยปะปนอยู่ในอากาศ องค์การอนามัยโลกวิจัยพบว่า การใส่หน้ากากอนามัยลดการแพร่กระจายเชื้อโรคปนเปื้อนได้ถึงร้อยละ 80
- หน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ
กรองฝุ่นได้ดีและป้องกันการแพร่กระจายเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา หากเป็นเชื้อไวรัสอาจป้องกันไม่ได้ และไม่ควรใช้ซ้ำ ควรเปลี่ยนหน้ากากใหม่ทุกวัน
- หน้ากากอนามัยชนิดเอ็น 95 (N95)
ป้องกันเชื้อโรคได้ดีทั้งฝุ่นละอองและเชื้อโรคขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน รวมถึงเชื้อไวรัสในอากาศ ควรเปลี่ยนใหม่ทุก 3 สัปดาห์
เชื้อจากสัตว์...โรคติดต่ออุบัติใหม่
- สัตว์แพร่เชื้อโรคสู่คนได้ 271 โรค ได้แก่ "สุนัข 47 โรค" " "แมว 34" โรค "ลิง 27 โรค" "สัตว์เลื้อยคลานและปลา 20 โรค" "กระต่าย 17 โรค" "นก 15 โรค" "สัตว์ฟันแทะ 44 โรค" และ "การทำปศุสัตว์ 37 โรค
(ข้อมูลจากสำนักงานระบาดวิทยา)
ที่มา: นสพ.คมชัดลึก วันที่ 20 มิถุนายน 2556(กรอบบ่าย)
- 38 views