บุคคลหาได้ยาก ในพระพุทธศาสนา มีอยู่ 2 พวกครับ
พวกแรก บุพการี ผู้ทำอุปการะก่อน ผู้นำความดี หรือทำประโยชน์ให้แต่ต้น โดยไม่ต้องคอยผลตอบแทน พวกที่สอง กตัญญูกตเวที ผู้รู้อุปการะที่เขาทำแล้วและตอบแทน ผู้รู้จักคุณค่าแห่งการกระทำดีของผู้อื่น และแสดงออกเพื่อบูชาความดีนั้น
บุพการี ในความหมายนี้ จึงไม่ใช่แค่ พ่อแม่ ครูอาจารย์...แต่มีความหมายกว้างไกล ไปถึงคนทั่วไป อีกมากมายในความเห็นผม รวมถึง นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ที่กำลังมีข่าวถูกปลดจากตำแหน่ง ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม
ผมไม่เคยรู้จัก ชื่อ และ ตัวตนจริง ของหมอวิทิต มาก่อน แต่รู้จักสัญลักษณ์หมอบ้านแพ้ว ผู้สร้างโรงพยาบาลบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร เป็นโรงพยาบาลต้นแบบ 30 บาท รักษาทุกโรค
นี่คือนโยบาย ที่รัฐบาลคุณทักษิณ เอามาใช้ผูกจิตผูกใจ คนยากจนทั้งประเทศ
ตอนที่มีเสียงขานรับนโยบาย 30 บาททุกโรค กระหึ่ม...ผมกับเพื่อนเคยตั้งวงสงสัย เรื่องดีๆอย่างนี้ นักการเมืองที่มีภาพนายทุน...อย่างคุณทักษิณ คิดเป็นได้อย่างไร
คุยๆกันไป จึงจับความได้...ผลสัมฤทธิ์ ของโรงพยาบาลบ้านแพ้ว ที่คุณหมอวิทิต บริหาร กลุ่มหมอใหญ่น้อย...ทึ่ง และอึ้งกันใหญ่ คุณหมอสงวน นิตยารัมพงศ์ อุทิศตัวเป็นหัวแรงเข็น
เอาไปเสนอให้รัฐบาล...อย่าเอ่ยชื่อเลย กระเทือนใจกันเปล่าๆ...เขาคงไม่เห็นความเป็นไปได้ ไม่เอาด้วย...แต่เมื่อถึงมือคุณทักษิณ คุณทักษิณก็รีบตะครุบ มาเอาทำตลาดขาย...
องค์กรใหม่ สปสช.เกิดขึ้นเป็นตัวกลาง ดูแลโรงพยาบาล เรื่องยา เรื่องหมอ...ไพร่ฟ้าที่เคยหน้าหมอง เปลี่ยนเป็นไพร่ฟ้าหน้าใส...
เปลี่ยนรัฐบาลกี่ครั้ง คราวนี้ไม่มีพรรคการเมืองหน้าไหน กล้าเปลี่ยน
ช่วงเวลาที่โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เดินหน้า ปัญหาการบริหารจัดการในโรงพยาบาล มีตามมามาก หมอสงวน รับหน้าเสื่อใหญ่ จึงต้องพูดถึงท่านบ่อย จนจำชื่อได้...
หมอเครียดกับงาน จนตัวตาย เรื่องของหมอมีคนที่ศรัทธา เอาไปสร้างหนัง
เรื่องใหญ่ดีๆ ขนาดนี้เกิดขึ้นได้ในบ้านเมือง ความจริงก็เกิดจากหมอดีๆ มากมายหลายคน ร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าฟัน ผมได้ยินชื่อ หมอสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ว่าเป็นหมอคนที่เอาเรื่องนี้ถึงมือคุณทักษิณ
แต่ชื่อ หมอวิทิต อรรถเวชกุล หมอโรงพยาบาลบ้านแพ้ว...ต้นแบบสำคัญ ไม่ค่อยมีใครได้รู้จัก...ผมสารภาพกระทั่งนักข่าวอย่างผมเอง มาทวนชื่อย้ำ เพื่อให้จดจำ ก็ตอนที่หมอ ถูกปลดนี่แหละ
ผมพยายามทำความเข้าใจ...เค้าลางเริ่มสมัยรัฐมนตรีสาธารณสุขคนใหม่ หลักการสำคัญ สปสช.ที่ยึดคนไข้ยากจนเป็นเป้าหมาย...เริ่มถูกแทรกแซงปรับเปลี่ยน โดยมีวี่แววเบี่ยงเบนไปค้ำจุนโรงพยาบาลเอกชน ทั้งเรื่องยา เรื่องหมอ
จนถึงเรื่องที่กลุ่มแพทย์ชนบท เรียกร้อง รุนแรงไปถึง การขอให้ ตัวรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง...ผมนั่งฟัง แล้วก็ยังนึกว่า น่าจะมีเบื้องลึกอะไร...เป็นแรงขับความขัดแย้ง
การต่อสู้ดำเนินต่อไป ตัวรัฐมนตรียังไม่ออก...แต่หวยมาออก ที่ตัวหมอวิทิต ที่คุมงานองค์การเภสัชกรรม กุมงานสำคัญ ตั้งแต่การผลิตยา ราคาถูกให้คนยากจน คนป่วยเอดส์ ฯลฯ
งานเหล่านี้ เป็นงานตรงกันข้ามกับหมอพาณิชย์ตรงข้ามกับนายทุนยาข้ามชาติ ที่พยายามรุกเข้ามาผูกขาดประเทศ
นี่เป็นการรุกคืบหน้า...ที่น่ากลัวของกลุ่มหมอนายทุน หากหักหมอวิทิต หัวหอกหมอชาวบ้านได้...แนวรับต่อไป ก็คงไม่มีอะไรเหลือ คนไข้ที่ยังเหนื่อยกับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลรัฐ ก็คงจะลำบากมากขึ้น
บุพการี...สำคัญคนหนึ่งของคนไทย กำลังถูกอำนาจทุน อำนาจการเมือง รุมทำลาย...ชนิดที่ไม่มีทางสู้
ถึงวันนี้ คงต้องเป็นเรื่องของ บุคคลหาได้ยากพวกที่ 2 พวกกตัญญูกตเวที คือชาวบ้านอย่างพวกเรา ต้องรวมตัวกันลุกขึ้นมา ส่งเสียงบอกรัฐบาล...ถ้าแน่ใจในผลงาน การทำลายทำร้ายคนดี...
ก็แสดงให้เห็นชัดเจน คนในรัฐบาลเลือกฝั่งตรงข้ามกับคนดี
สงครามต่อไปนี้ ไม่ใช่สงครามสี เป็นสงครามของหมอพาณิชย์หมอชาวบ้าน ที่จะบานปลายเป็นสงครามใหญ่ สงครามภาคนายทุน กับภาคประชาชน
ที่มา: นสพ.ไทยรัฐ วันที่ 23 พฤษภาคม 2556
- 195 views