รพ.กรุงเทพ หวั่นแพทย์ไหลออกนอกประเทศ หลังเปิดเออีซี เหตุบุคลากรทางการแพทย์ไทยเป็นที่ต้องการของอาเซียน ระบุโรงพยาบาลในเครือเน้นผสานกำลัง ช่วยเหลือกันมากกว่าเป็นคู่แข่ง ด้านรพ.เปาโล บุกต่างจังหวัด รับการ ขยายตัวของเมือง เน้นจับกลุ่มคนไข้ผู้ถือบัตรประกันสังคม และบัตรทอง เล็งเปิดแบรนด์ใหม่ 3 แห่ง
นพ.ชาตรี ดวงเนตร ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ-การแพทย์ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BGH เครือโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 จะทำให้เกิดการแข่งขันในธุรกิจโรงพยาบาลรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะการเคลื่ยนย้ายแรงงานระดับบุคลากรทางการแพทย์ของไทย ที่มีแนวโน้มจะเคลื่อนย้าย ออกนอกประเทศ เพราะส่วนใหญ่เป็นบุคลากร ที่มีคุณภาพ เป็นที่ต้องการของประเทศในอาเซียน
นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าจะมีชาวต่างชาติ เข้ามารับบริการทางการแพทย์ในไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง ปรากฎการณ์ดังกล่าวจะทำให้สัดส่วนคนไข้ชาวต่างชาติในภาพรวมเพิ่มสูงขึ้น จากที่มีอยู่ในสัดส่วน 25% และคนไทย ในสัดส่วน 75% และยังตั้งเป้าในประเทศ จะมีโรงพยาบาลในเครือรวมทั้งสิ้น 50 แห่ง ขณะที่สาขาในภูมิภาคอาเซียนขึ้นอยู่กับความเหมาะสม
ส่วนการแข่งขันของธุรกิจโรงพยาบาลของไทย นพ.ชาตรี ระบุว่า ยังไม่พบการแข่งขันกันเองภายในเครือ ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มโรงพยาบาล กรุงเทพ กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาล บีเอ็นเอช กลุ่มโรงพยาบาลรอยัล กลุ่มโรงพยาบาล พญาไท กลุ่มโรงพยาบาลเปาโล และรพ.นครธน โดยจำเป็นจะต้องร่วมมือและช่วยเหลือกันมากขึ้น เพื่อไม่ให้บุคลากรทางการแพทย์ของไทยไหลออกนอกประเทศ
นายชาตรี ยังกล่าวว่า ในส่วนของโรงพยาบาล เปาโล จะเน้นจับกลุ่มคนไข้ระดับกลางทั้งผู้ถือบัตรประกันสังคม และบัตรทองมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด เพราะเล็งเห็นถึงโอกาสเนื่องจากเป็นตลาดใหญ่และมีประชากรจำนวนมาก โดยจะเปิดแบรนด์ใหม่ 3 แห่ง ภายใน พื้นที่โรงพยาบาลในเครือ ที่มีอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต ระยอง และพัทยา เพื่อใช้เครื่องมือและบุคลากรแพทย์ร่วมกันได้
ด้านนายอัฐ ทองแตง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เครือโรงพยาบาลพญาไท และเครือ โรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล เปิดเผยว่า เพื่อยกระดับและเปิดโอกาสให้คนไทยได้เข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานระดับโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ ได้จัดแคมเปญ "สุขภาพดี ที่เข้าถึงได้" ขึ้นระหว่างเดือนพ.ค.ก.ค. 2556 ประกอบด้วย การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม การผ่าตัดกระดูกสันหลัง ขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและขดลวด ราคา 9.9 หมื่นบาท ,สวนหัวใจและฉีดสี ราคา 1.9 หมื่นบาท ,ผ่าตัดผ่านกล้องถุงน้ำในรังไข่ ผ่าตัดผ่านกล้องเนื้องอกมดลูก และผ่าตัดผ่านกล้อง นิ่วในถุงน้ำดี ราคา 4.9 หมื่นบาท
"ลูกค้าหลักของโรงพยาบาลในเครือ เปาโล ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนระดับกลาง หรือ C-B ทั้งกลุ่มคนทำงาน และกลุ่มผู้ถือบัตรประกันสังคม โดยกว่า 70% เป็นลูกค้าคนไทย ที่เหลืออีก 30% เป็นลูกค้าต่างชาติ ขณะที่ รพ.พญาไทจะเน้นคนไข้ระดับพรีเมียม" นายอัฐ กล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 3 พฤษภาคม 2556
- 2 views