ครม.ตั้ง "โอฬาร"หัวหน้าคณะเจรจาเอฟทีเอไทย-อียูย้ำการเจรจาต้อง "รอบคอบ"
คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. เห็นชอบร่างกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรี ไทยสหภาพยุโรป (อียู) และนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาตามมาตรา190 พร้อมแต่งตั้งนายโอฬาร ไชยประวัติ ประธานผู้แทนการค้าไทยเป็นหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทยและให้รายงานผลต่อคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) เป็นระยะๆ
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า กรอบการเจรจาเอฟทีเอไทย-อียู จะมีเรื่องยาแน่นอน เพราะอียูเป็นผู้เสนอมาอย่างไรก็ตามหลักของประเทศไทยคือ เรื่องไหนเสียประโยชน์ก็จะไม่รับ แต่หากต้องยุติการเจรจาทั้งที่ยังไม่เริ่ม ประเทศจะเสียประโยชน์มากกว่าได้
"ที่กังวลทั้งเรื่องสิทธิบัตรยาและการเข้าถึงยา ยืนยันว่าในการเจรจาเราต้องไม่เสียสิทธิเดิมอย่างที่มีอยู่หากเราเสียเปรียบก็มีสิทธิที่จะไม่ยอมรับการเจรจาได้" นพ.ประดิษฐกล่าว
นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า ภายหลังกรอบการเจรจาผ่าน ครม.แล้ว ยังต้องนำเข้าสู่การพิจารณาในชั้นรัฐสภาเพื่อขออนุมัติกรอบเจรจาและต้องนำผลเจรจาเข้าแจ้งต่อรัฐสภาอีกว่าเห็นด้วยกับผลเจรจาที่ได้มาหรือไม่
ก่อนการประชุม ครม. นายชูวิทย์ จันทรส เลขานุการเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ (ครปอ.) พร้อมเครือข่ายองค์กรงดเหล้าทั่วประเทศกว่า 100 คน เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ถอนบัญชีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ออกจากการเจรจาเอฟทีเอ ไทย-อียู
ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่า ที่ประชุม ครม.ได้หารือประเด็นเจรจาที่ต้องระมัดระวังและรอบคอบ คือการเจรจาเปิดตลาดสินค้าที่ละเอียดอ่อนและอ่อนไหวในสังคมสูง เช่นยา สุรา และยาสูบ ระดับการคุ้มครองเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาที่เกินกว่าข้อตกลงองค์การการค้าโลกการเปิดเสรีการบริการและลงทุนที่กระทบต่อความมั่นคง เช่น สาขาโทรคมนาคมและสื่อสาร
รัฐบาลคาดว่าจะเสนอกรอบการเจรจาให้สภาพิจารณาได้หลังจากเปิดสภาในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ และคาดว่าจะใช้ระยะเวลาเจรจาไม่ต่ำกว่า 1 ปีขึ้นไป
ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 5 ธันวาคม 2555
- 1 view