นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผอ.มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ ในฐานะคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) กล่าวถึงการขยายเกณฑ์การเริ่มรับยาต้านไวรัสเอดส์ ที่ CD4 ที่ระดับ 350 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตรว่า ระบบหลักประกันสุขภาพเดิมจะจ่ายยาต้านไวรัสให้ผู้ป่วยที่มี CD4 ที่ระดับ 200 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร โดยระดับดังกล่าวถือว่าภูมิต้านทานต่ำและเสี่ยงที่จะเกิดโรคฉวยโอกาส เช่น วัณโรค เชื้อราที่เยื่อหุ้มสมอง เริม เป็นต้น แต่สาเหตุที่ต้องให้ยาในระดับ 200 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร เนื่องจากในอดีตยาไม่เพียงพอ จึงต้องเลือกให้ยากับกลุ่มที่มีโอกาสเสี่ยงสูงกว่าก่อน แต่ปัจจุบันการจัดหายาให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงได้จัดอยู่ในระดับที่เพียงพอแล้วจึงจำเป็นต้องขยายเกณฑ์เพื่อยกคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย

"ปัจจุบันระบบการบริการทางการแพทย์ผู้ป่วยเอดส์พัฒนาขึ้นอย่างมาก ทำให้เข้าถึงยาได้อย่างทั่วถึง จึงจำเป็นต้องเพิ่มระดับการให้ยาต้านไวรัส CD4 ที่ระดับ 350 เซลล์ต่อ
ลูกบาศก์มิลลิเมตร จะเพิ่มคุณภาพชีวิตดีขึ้น ลดการป่วยด้วยโรคจากเส้นเลือด เช่น หัวใจ ความดัน เบาหวาน การป้องกันการแพร่กระจายโรคทางอ้อมด้วย กรณีที่เกิดความผิดพลาดใดๆ ผู้ป่วยที่รับยาต้านไวรัสมีโอกาสถ่ายทอดเชื้อลดลงตามไปด้วย" นายนิมิตร์กล่าว

นายนิมิตร์กล่าวว่า ปัญหาการควบคุมโรคเอดส์คือ ผู้ป่วยรู้ตัวว่าติดเชื้อช้า โดยร้อยละ 80 เข้ารับการรักษาเมื่อระดับ CD4 อยู่ที่ 100 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าต่ำมากและเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ จึงจำเป็นต้องสนับสนุนให้ประชาชนตรวจหาเชื้ออย่างสม่ำเสมอและควบคุมการแพร่ระบาดของโรค เพราะเมื่อทราบว่าติดเชื้อ ปัจจุบันจะมีแนวทางการป้องกันรักษาที่มีประสิทธิภาพจนใช้ชีวิตได้เป็นปกติ และเมื่อได้รับยาต้านไวรัสเร็วขึ้น โอกาสแพร่กระจายโรคได้น้อยลงด้วย โดยแนวนโยบายขยายเกณฑ์ดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ต.ค.นี้ โดยประชาชนสามารถไปรับการตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อเอชไอวี ในสถานพยาบาลได้ฟรีปีละ 2 ครั้ง

--ข่าวสด ฉบับวันที่ 4 ก.ย. 2555 (กรอบบ่าย)--