มูลนิธิสุขภาพไทยยื่นจม.ร้องวิทยาหยุดทำร้ายนวดไทย หลังออกประกาศด่วนให้หมอนวดแผนไทยที่สอบผ่านข้อเขียนเพื่อขึ้นทะเบียนรับใบประกอบโรคศิลปะแพทย์แผนไทยให้ไปสอบปฎิบัติโดยให้เลือกว่าจะสอบนวดแบบพื้นบ้านหรือเชลยศักดิ์ ซึ่งเป็นวิชาการนวดที่ไม่อยู่ในหลักสูตรตามกฎหมาย ทำให้คนตาบอดที่สอบผ่านข้อเขียนไม่สามารถสอบได้เพราะออกหลักสูตรที่ไม่ได้เรียนมา เผยไม่มีกฎหมายระเบียบข้อไหนกำหนดว่า วิชานวดไทยต้องเป็นพื้นบ้านหรือราชสำนัก ชี้เป็นการละเมิดกฎหมาย ทำลายภูมิปัญญาการนวดไทย จี้ออกประกาศใหม่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย หากไม่ดำเนินการหมอนวดตาบอดจะเข้าพบรมว.สธ.
นายวีรพงษ์ เกรียงสินยศ เลขาธิการมูลนิธิสุขภาพไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา มูลนิธิสุขภาพไทยและมูลนิธิพัฒนาการแพทย์แผนไทย ได้ยื่นจดหมายถึงนายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ยุติการละเมิดกฎหมายการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. 2542 โดยเร่งด่วน อันเนื่องมาจากคณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทย สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ ได้ออกประกาศด่วนผ่านทางเวบไซต์ www.mrd.go.th เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.55 และให้ตอบกลับภายในวันที่ 10 มิ.ย.55 สั่งให้หมอนวดผู้ที่สอบทฤษฎีผ่านสำหรับการขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย ประเทศการนวดไทยภาคปฏิบัติประจำปี 2555 ให้แจ้งเพื่อมาสอบภาคปฏิบัติ โดยต้องระบุว่าจะเข้าสอบนวดไทยภาคปฏิบัติแบบไหน โดยให้เลือก 1.แบบทั่วไป เช่น เชลยศักดิ์ พื้นบ้าน หรือ 2.แบบราชสำนัก ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีประกาศกำหนดเรื่องนวดแบบเชลยศักดิ์หรือแบบราชสำนักในกฎระเบียบใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น กฎกระทรวงว่าด้วยการอบรมหรือถ่ายทอดความรู้ ประกาศ ระเบียบ และหลักสูตรวิชาการนวดไทย ซึ่งมี 14 รายวิชา ก็ไม่มีวิชาการนวดแบบเชลยศักดิ์หรือราชสำนัก
“ประกาศนี้จึงเท่ากับว่า ออกประกาศในสิ่งที่ผู้สอบไม่ได้เรียน เหมือนเป็นการกำหนดหลักสูตรการเรียนอีกแบบ แต่เมื่อสอบกลับใช้หลักสูตรที่ผู้สอบไม่ได้เรียน ซึ่งไม่สามารถสอบนวดแบบดังกล่าวได้แน่นอน ที่สำคัญ องค์ความรู้การนวดไทยมีแหล่งที่มาสำคัญ คือ ศิลาจารึกแผนนวดวัดโพธิ์ สมัยรัชกาลที่ 3 พ.ศ.2375 ก็ไม่มีการระบุการนวดแบบเชลยศักดิ์ พื้นบ้าน หรือแบบราชสำนัก และขณะนี้ศิลาจารึกวัดโพธิ์ได้รับการประกาศยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกความทรงจำแห่งโลกด้วย ”
นายวีรพงษ์ กล่าวต่อว่า มูลนิธิพัฒนาการแพทย์แผนไทยและมูลนิธิสุขภาพไทยพิจารณาแล้วเห็นว่าประกาศด่วนในเวลาที่รวบรัด ดังกล่าว เป็นการกระทำที่ละเมิดกฎหมายการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542 มาตรา 5 และ มาตรา 33 (1) (ก) ออกประกาศในสิ่งที่ไม่ได้ระบุในกฎหมาย เป็นการทำลายภูมิปัญญาไทย และทำร้ายผู้มีสิทธิ์สอบโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้พิการสายตา ซึ่งสามารถสอบผ่านภาคทฤษฎีจำนวน 33 คน แต่ต้องมาสอบภาคปฏิบัติการนวดไทยตามประกาศด่วนดังกล่าว โดยไม่เป็นไปตามกฎหมายและภูมิปัญญาไทย ตลอดจนองค์ความรู้ที่ได้เรียนมา
“จึงขอเรียกร้องให้รมว.สธ. ยุติการทำลายภูมิปัญญาไทย หยุดทำร้ายนวดไทย และยุติการละเมิดกฎหมายดังโดยด่วน และให้เร่งดำเนินการให้มีการจัดทำประกาศที่ถูกต้องและเป็นไปตามพ.ร.บ.การประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542 มาตรา 33 (1) (ก) เพื่อร่วมกันสร้างหมอนวดไทยทั้งผู้พิการสายตาและสายตาปกติให้เป็นผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย ประเภทการนวดไทยที่มีมาตรฐานและจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ และหากไม่มีการดำเนินการใดทางหมอนวดที่พิการทางสายตาจะประท้วงที่สธ.เพื่อให้รมว.สธ.แก้ไขโดยเร็ว” เลขาธิการมูลนิธิสุขภาพไทย กล่าว
- 40 views