นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข จะเริ่มทยอยฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน-30 กันยายนนี้ จำนวน 3.55 ล้านโดส เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝนที่เสี่ยงก่อให้เกิดโรคไข้หวัดใหญ่ง่ายที่สุด ปีนี้ยังคงสายพันธุ์เดิม คือ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 หรือไวรัสไข้หวัด 2009 ชนิดเอ เอช 3 เอ็น 2 และชนิดบี ซึ่งเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล จะเริ่มฉีดให้แก่กลุ่มเสี่ยงทั้งสิ้น 8 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่ให้การดูแลรักษาผู้เจ็บป่วย 2.เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับการกำจัดสัตว์ปีก 3.ผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้น 4.กลุ่มโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตวายเรื้อรัง มะเร็งที่กำลังรับเคมีบำบัด เบาหวาน ธาลัสซีเมีย และภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมทั้งผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีอาการ 5.หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป 6.ผู้มีน้ำหนักตัวมากกว่า 100 กิโลกรัม 7.ผู้พิการทางสมองช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และ 8.เด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือน-2 ปี

"ปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงในกลุ่มเสี่ยงหญิงตั้งครรภ์ จากเดิมกำหนดให้ฉีดวัคซีนที่อายุครรภ์ 7 เดือน แต่เปลี่ยนเป็นอายุครรภ์ 4 เดือนที่บางฝ่ายกังวลว่าจะส่งผลต่อทารกในครรภ์หรือไม่ เนื่องจากอายุครรภ์น้อยว่า ไม่ส่งผล เนื่องจากองค์การอนามัยโลก และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) ไม่ได้กำหนดข้อห้าม ส่วนที่มีข่าวว่าทารกแท้งเพราะแม่ฉีดวัคซีนนั้นตรวจพบว่าไม่เกี่ยวข้องกัน อายุครรภ์ที่จะส่งผลต่อการเจริญเติบโต และเป็นช่วงต้องดูแลที่สุดนั้นจะอยู่ที่อายุครรภ์ 3 เดือน" นพ.โอภาสกล่าว

อนึ่ง ข้อมูลสำนักระบาดวิทยารายงานในปี 2552 ว่าพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 120,400 ราย เสียชีวิต 231 ราย ในปี 2553 มีผู้ป่วย 115,183 ราย เสียชีวิต 126 ราย ปี 2554 มีผู้ป่วย 56,766 ราย เสียชีวิต 8 ราย และในปี 2555 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-14 พฤษภาคม พบผู้ป่วย 11,380 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต

 

ที่มา : มติชน  30 พ.ค. 55 (กรอบบ่าย)