ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ฐานเศรษฐกิจ - กระทรวงสาธารณสุข ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง เข้มข้นมาตรการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกหลังเทศกาลตรุษจีน เนื่องจากประชาชนมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อหวัดนกเพิ่มจากการชำแหละสัตว์ปีก

ทำอาหารเซ่นไหว้ และเดินทางไปท่องเที่ยวในพื้นที่พบการระบาดของโรค แนะหากป่วยมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่คือไข้สูงทันทีทันใด ปวดเมื่อย ไอ ให้รีบไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติการสัมผัสสัตว์ปีกและการเดินทางไปต่างประเทศด้วย

จากกรณีที่มีรายงานเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2557 พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไข้หวัดนก สายพันธุ์ เอช 7 เอ็น 9 (H7N9) ในประเทศจีน เพิ่มอีก 15 รายใน 4 มณฑล ได้แก่ มณฑลเจ้อเจียง มณฑลเจียงชู มณฑลฝูเจียน และมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งทุกรายมีประวัติสัมผัสสัตว์ปีกหรือเดินทางไปตลาดค้าสัตว์ปีกมีชีวิต โดยมีรายงานในไต้หวัน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง และจาก 12 พื้นที่ในประเทศจีน ซึ่งรัฐบาลจีนได้ดำเนินมาตรการสอบสวนโรคและเสริมความเข้มแข็งระบบการเฝ้าระวังโรค การรักษาพยาบาล และการศึกษาวิจัย

ในส่วนของประเทศไทย วันนี้ (31 มกราคม 2557) นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในช่วงหลังเทศกาลตรุษจีนนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เฝ้าระวังการติดเชื้อไข้หวัดนกทุกสายพันธุ์ ที่มีรายงานการติดเชื้อในสัตว์ปีกและในคนในต่างประเทศ ได้แก่สายพันธุ์ เอช 5 เอ็น 1 (H5N1) เอช 7 เอ็น 9 (H7N9) เอช 10 เอ็น 8 (H10N8) ซึ่งที่ผ่านมาไทยไม่มีการติดเชื้อทั้งในสัตว์และในคน ยกเว้นสายพันธุ์เอช 5 เอ็น 1 ซึ่งพบผู้ป่วยรายสุดท้ายเมื่อปี 2549 ทั้งนี้ เนื่องจากในช่วงตรุษจีนคนไทยเชื้อสายจีนจะทำพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ และมีการชำแหละสัตว์ปีกโดยเฉพาะเป็ด ไก่ จำนวนมาก รวมทั้งประชาชนบางส่วนจะเดินทางไปท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆ เพื่อเยี่ยมครอบครัว ญาติ มิตร ในประเทศที่พบการระบาดของไข้หวัดนก จึงมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ต่างๆ มากขึ้น

นายแพทย์ณรงค์กล่าวต่อว่า ประเทศไทย ได้มีระบบการเฝ้าระวังทั้งในคน สัตว์ปีก และนกธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง ผลการเฝ้าระวังในคนจนถึงขณะนี้ ยังไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดนกทุกสายพันธุ์ อย่างไรก็ตาม ได้ให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัด คงความเข้มข้นระบบการเฝ้าระวังโรค ทั้งในหมู่บ้าน ชุมชน และในโรงพยาบาล และประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้ย้ำเตือนผู้ชำแหละสัตว์ปีก แม่บ้านที่เตรียมอาหาร และผู้ที่เดินทางกลับจากพื้นที่ที่พบการระบาดของโรคนี้ ขอให้สังเกตอาการป่วย หากมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ ไข้สูงทันทีทันใด ไอ ปวดเมื่อยตามร่างกาย และเคยสัมผัสสัตว์ปีก หรือผู้ป่วยปอดบวม ขอให้ไปพบแพทย์ และแจ้งประวัติสัมผัสการสัตว์ปีก หรือการเดินทางไปต่างประเทศด้วย เพื่อป้องกันการเสียชีวิต ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้จัดระบบความพร้อมการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันเชื้อ การดูแลรักษาผู้ป่วยไข้หวัดนกในโรงพยาบาลทุกแห่ง มียาต้านไวรัสซึ่งใช้ได้ผลดีเช่นเดิม เนื่องจากเชื้อไข้หวัดนกยังไม่มีรายงานกลายพันธุ์

ด้านนายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ ประชาชนสามารถเดินทางไปยังประเทศที่พบการเกิดโรคไข้หวัดนกได้ตามปกติ แต่ขอให้รับประทานอาหารที่ปรุงสุก ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการไปฟาร์มสัตว์ปีก หรือพื้นที่ที่มีการเชือด แหล่งฆ่าสัตว์สัตว์ปีก หากจำเป็นต้องเข้าไปตลาดค้าสัตว์ปีกมีชีวิต ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ รวมทั้งพื้นผิวที่สัตว์เหล่านั้นอยู่ ในส่วนของประเทศไทย ที่มีตลาดค้าสัตว์ปีกมีชีวิตทั้งในกทม.และต่างจังหวัดก็เช่นกัน ขอให้ประชาชนระมัดระวังเลือกซื้อสัตว์ปีกจากร้านที่ดูสะอาด ปลอดภัย และมีการขึ้นทะเบียนการค้ากับกรมปศุสัตว์

ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกรายงานล่าสุดเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2557 พบผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช 7 เอ็น 9 จำนวน 259 ราย เสียชีวิต 53 ราย ยังไม่มีการแพร่เชื้อจากคนสู่คนอย่างต่อเนื่องหรือกระจายในวงกว้าง ทั้งนี้ รัฐบาลจีนได้ดำเนินการสอบสวนโรค และมีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ส่วนเว็บไซต์ของศูนย์ป้องกันด้านสุขภาพ (CHP : Centre for Health Protection) เขตปกครองพิเศษฮ่องกง รายงาน ณ วันที่ 26 มกราคม 2557 ว่าพบผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อโรคไข้หวัดนก สายพันธุ์ เอช 10 เอ็น 8 จำนวน 2 ราย เสียชีวิต 1 ราย ซึ่งรัฐบาลจีนได้ดำเนินการสอบสวนโรค และมีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง

สำหรับสถานการณ์โรคไข้หวัดนก สายพันธุ์ เอช 5 เอ็น 1 ณ วันที่ 9 มกราคม 2557 องค์การอนามัยโลกรายงานพบผู้ป่วย 649 ราย เสียชีวิต 385 ราย ใน 16 ประเทศ ผู้ติดเชื้อรายล่าสุดเป็นชาวแคนาดา ป่วยเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2556 เสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2557 และมีประวัติเดินทางไปประเทศจีน นับเป็นผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์เอช 5 เอ็น 1 รายแรกในทวีปอเมริกา

ที่มา: http://www.thanonline.com