ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

วันก่อน ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งให้ กระทรวงสาธารณสุข และ รัฐมนตรีสาธารณสุข ทุเลาการบังคับใช้ ประกาศกระทรวง ที่กำหนดให้ บริษัทบุหรี่ต้องแสดงภาพคำเตือนสุขภาพบนซองบุหรี่ร้อยละ 85 ของพื้นที่ซองบุหรี่ ซึ่งจะมีผลใช้บังคับในวันที่ 2 ตุลาคมนี้ออกไปก่อน จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ทำให้บริษัทบุหรี่ยักษ์ใหญ่ ฟิลิป มอร์ริส ไทยแลนด์ กระดี๊กระด๊า ออกแถลงข่าวแสดงความยินดีเป็นการใหญ่

คดีนี้ ฟิลิป มอร์ริส (ประเทศไทย) ลิมิเต็ด และ ฟิลิป มอร์ริส เอส.อาร์. ผู้นำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ในไทย ได้ยื่นฟ้อง กระทรวงสาธารณสุข และ รัฐมนตรีสาธารณสุข ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อให้ เพิกถอนประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับนี้ โดยอ้างว่า กระทรวงสาธารณสุขเพิกเฉยต่อเสียงของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมยาสูบ กลุ่มผู้ผลิต และร้านค้า และกล่าวหาว่า เป็นมาตรการเกินความจำเป็น เพราะ คนไทยตระหนักในเรื่องความเสี่ยงด้านสุขภาพจากการสูบบุหรี่กว้างขวางอยู่แล้ว

เรื่องนี้ นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ก็ออกมาแถลงข้อเท็จจริงว่า การออกประกาศฉบับนี้ เป็นไปตามอนุสัญญาว่าด้วยการบริโภคยาสูบมาตรา 5.3 ขององค์การอนามัยโลก ซึ่งมีผลวิจัยจำนวนมากชี้ว่า ภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ เป็นมาตรการที่ได้ผล ทำให้ประชาชนตัดสินใจเลิกบุหรี่ได้

และที่บริษัทบุหรี่อ้างว่า คนไทยตระหนักในความเสี่ยงจากการสูบบุหรี่อย่างกว้างขวาง นพ.ประกิต บอกว่า ความจริงแล้วไม่ใช่ทุกคนจะทราบว่า บุหรี่ทำให้เกิดโรคหัวใจ โรคเส้นเลือดสมอง ทำให้เสียชีวิต จึงจำเป็นต้องมีการเตือนซ้ำๆ ด้วยภาพคำเตือนขนาดใหญ่ การออกกฎหมายของกระทรวงสาธารณสุข เป็นการทำเพื่อปกป้องประชาชนคนไทย ไม่ได้มีผลประโยชน์อื่นใด ขณะที่บริษัทบุหรี่มีผลประโยชน์มหาศาล

จากข้อมูลการสูบบุหรี่ของคนไทยล่าสุด ยังอยู่ในภาวะที่รุนแรง ผู้ชายไทย 46.6% ยังสูบบุหรี่ และ มีคนไทยที่ยังสูบบุหรี่สูงถึง 13 ล้านคน การมีจำนวนผู้สูบบุหรี่ค่อนข้างสูงเช่นนี้ หมายถึง ภาระโรคที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า ซึ่งจะตกเป็น ภาระของคนไทย และ ภาระของรัฐบาล ในการดูแลผู้ป่วยจากสารพัดโรคที่เกิดจากบุหรี่ สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อบุคคล ครอบครัวและประเทศไทยโดยรวมมหาศาล

ข้อมูลปี 2552 ของ สำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า คนไทยเสียชีวิตจากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ถึงปีละ 50,700 คน แต่ละคนอายุเฉลี่ยสั้นลง 12 ปี และ จะป่วยหนัก ทรมาน สูญเสียคุณภาพชีวิตเป็นเวลาเฉลี่ย 2 ปีก่อนจะตาย

ความเสียหายเหล่านี้ ใครรับผิดชอบ ก็ผู้ตกเป็นเหยื่อบุหรี่ ครอบครัวของผู้ตกเป็นเหยื่อบุหรี่ และเงินภาษีของคนไทยทุกคนที่รัฐบาลต้องนำไปจ่ายเพื่อรักษาเยียวยาผู้ป่วยจากการสูบบุหรี่ ตั้งแต่ป่วยไปจนถึงตาย โอกาสรอดมีน้อยเต็มที

ออสเตรเลีย ประเทศที่พัฒนาแล้ว เจริญที่สุดประเทศหนึ่งในโลก เป็นประเทศที่มีกฎหมายให้พิมพ์คำเตือนพิษภัยบุหรี่บนซองบุหรี่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เฉลี่ย 87.5% บนพื้นที่ซองบุหรี่ รวมทั้งคำเตือนเรื่องไฟไหม้จากการทิ้งก้นบุหรี่

ศาสตราจารย์รอน บอร์แลน ผู้เชี่ยวชาญการวิจัยเรื่องการควบคุมการบริโภคยาสูบของออสเตรเลียบอกว่า ในออสเตรเลีย รัฐบาลได้ใช้มาตรการขึ้นภาษีบุหรี่ปีละ 12.5% ต่อเนื่อง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2010 ทำให้ บุหรี่ในออสเตรเลีย วันนี้มี ราคามวนละ 30 บาท แต่ก็ยังไม่พอ รัฐบาลออสเตรเลียยังออกกฎหมายบังคับให้พิมพ์ภาพคำเตือนขนาดใหญ่บนซองบุหรี่ เพื่อย้ำเตือนถึงพิษภัยบุหรี่ เพื่อไม่ให้บริษัทบุหรี่ใช้ซองบุหรี่ที่ออกแบบไว้อย่างสวยงาม สร้างคุณค่าให้ตัวเอง เพื่อเพิ่มจำนวนผู้สูบบุหรี่

การที่ ประเทศไทยและประเทศต่างๆต้องต่อต้านบุหรี่ แม้แต่ประเทศผู้ผลิตบุหรี่อย่าง สหรัฐฯ อังกฤษ ญี่ปุ่น ก็เพราะ บุหรี่เป็นสินค้าที่ฆ่าผู้บริโภคมากที่สุด ก็ต้องรอดูกันต่อไป รัฐบาลไทย โดย กระทรวงสาธารณสุข จะต้องพ่ายแพ้ต่อ บริษัทบุหรี่ข้ามชาติ หรือไม่ ในการออกกฎหมายเพื่อปกป้องสุขภาพของคนไทย.“ลม เปลี่ยนทิศ”

ที่มา: http://www.thairath.co.th