กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ชี้ช่วงนี้อาจพบผู้ป่วยโควิดเพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศเย็นลง การเดินทาง ช่วงเทศกาล การรวมกลุ่มเฉลิมฉลอง ขอปชช.ดูแลตนเอง ปฏิบัติตามมาตรการเดิมป้องกันโรคทางเดินหายใจได้ ส่วนข้อกังวลความรุนแรงของสายพันธุ์โควิด ยังไม่พบความเชื่อมโยงที่ต้องกังวล ล่าสุดสายพันธุ์ XBB.1.16* หรือ “อาร์คตูรุส” และสายพันธุ์ XBB.2.3* แนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับ 2 เดือนก่อนหน้านี้
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงสถานการณ์การเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด 19 และสายพันธุ์ที่เฝ้าติดตามในประเทศไทย ว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมกับเครือข่ายห้องปฏิบัติการ ติดตามการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์เชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ถึงวันที่ 2 ธันวาคม 2566 จากการถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อก่อโรคโควิด 19 จำนวน 253 ราย พบสายพันธุ์ XBB.1.9.2* มีสัดส่วนมากที่สุด คิดเป็น 24.5% รองลงมา คือ EG.5* , XBB.1.16* และ XBB.2.3 โดยพบสัดส่วน 23.3%, 17.80% และ 11.90% ตามลำดับ
“สถานการณ์โดยรวมของประเทศไทยในปัจจุบัน พบว่า สัดส่วนของสายพันธุ์ EG.5* และ XBB.1.92* มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในขณะที่สัดส่วนของสายพันธุ์ XBB.1.16* กับ XBB.2.3* มีแนวโน้มลดลงในประเทศเมื่อเทียบกับช่วงสองเดือนก่อนหน้า” นพ.ยงยศ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ณ ขณะนี้ต้องกังวลหรือไม่ว่า โควิด19 จะกลับมาระบาดอีกระลอก นพ.ยงยศ กล่าวว่า จากการติดตามข้อมูลเหมือนจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากสภาพอากาศเย็น เข้าสู่ฤดูหนาว เชื้ออาจพบได้มากกว่าเดิม ประกอบกับช่วงนี้จะเป็นช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่ มีการรวมกลุ่มเฉลิมฉลองกันมาก ดังนั้น ข้อแนะนำคือ เมื่อไปยังสถานที่ที่คนจำนวนมาก ในที่ชุมชนก็ขอให้ปฏิบัติตัวดูแลตนเองตามมาตรการเดิมให้เคร่งครัด ทั้งการสวมหน้ากากอนามัยล้างมือบ่อยๆ ยังคงเป็นมาตรการการป้องกันที่ได้ผลดี
“ส่วนข้อกังวลว่า เชื้อโควิดจะรุนแรงหรือไม่นั้น ทางกรมวิทย์พบว่าไม่ได้เชื่อมโยงกับความรุนแรงที่ต้องหวาดกลัว ดังนั้น ประชาชนไม่ต้องกังวลถึงความรุนแรงของสายพันธุ์ เพียงแต่จะพบคนป่วยมากขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่เย็นลง การเดินทางการรวมตัวรวมกลุ่มในช่วงเทศกาล ช่วงปีใหม่” นพ.ยงยศ กล่าว
นพ.ยงยศ กล่าวอีกว่า กรณีมีการแชร์และส่งต่อข้อมูลในโซเชียลมีเดีย ว่า เตรียมพร้อมรับมือโควิด 19 ระลอกใหม่สายพันธุ์ XBB.1.16* “อาร์คตูรุส” อาการใหม่ ไม่มีไข้ ตาแดง มีผื่นขึ้น หรือน้ำมูกไหล นั้น จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลสายพันธุ์ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระหว่างเดือนกันยายน ถึงพฤศจิกายน 2566 พบเป็น สายพันธุ์ XBB.1.16* จำนวน 83 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 16.4 จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อมูลลักษณะอาการทางคลินิกจากประวัติที่ผู้ติดเชื้อ SARS-CoV-2 สายพันธุ์ XBB.1.16* พบว่า ส่วนใหญ่กว่า ร้อยละ 90 มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูก เสมหะ ปวดเมื่อย บางรายประมาณร้อยละ 10 มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อย/หอบ ร่วมด้วย ไม่พบลักษณะอาการตาแดง มีผื่นขึ้น หรือน้ำมูกไหล
ทั้งนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ดำเนินการเก็บตัวอย่างจากผู้ป่วยโควิด 19 ทั่วประเทศ มาตรวจสายพันธุ์ เพื่อเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ต่อไป และขอให้ความมั่นใจว่ากรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเครือข่าย ยังคงเฝ้าระวังติดตามการกลายพันธุ์ของเชื้อ SARS-CoV-2 อย่างต่อเนื่อง และเผยแพร่บนฐานข้อมูลสากล GISAID อย่างสม่ำเสมอ
- 1950 views